แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา
ย่อสั้น
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งปรับผู้ร้องตามสัญญาประกัน ผู้ร้องยื่นคำร้องว่าผู้ร้องไม่เคยประกันหรือมอบให้ผู้ใดประกันจำเลย ผู้ร้องได้นำหนังสือมอบอำนาจให้ทำนิติกรรมขายที่ดินตามแบบพิมพ์ของกรมที่ดินซึ่งผู้ร้องลงชื่อในช่องผู้มอบอำนาจ มอบให้ จ.ผู้ซื้อที่ดินไปโอนที่ดินตามหนังสือสัญญาจะซื้อจะขาย แต่ จ.ได้ลงข้อความปลอมเป็นว่ามอบอำนาจให้ค้ำประกันจำเลย ดังนี้ ประเด็นที่ศาลจะต้องวินิจฉัยคือหนังสือมอบอำนาจของผู้ร้องปลอมหรือไม่หากฟังว่า หนังสือมอบอำนาจปลอม สัญญาประกันที่ จ. ทำไว้ก็เป็นโมฆะไม่ผูกพันผู้ร้อง คำร้อง ของ ผู้ร้องจึงมีเหตุสมควรที่จะต้องทำการไต่สวนให้ได้ความชัดในประเด็นดังกล่าวก่อน
ย่อยาว
คดีนี้สืบเนื่องมาจากโจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค ศาลชั้นต้นพิพากษาจำคุกจำเลย จำเลยอุทธรณ์ นางจิราพร วัฒนวรากุล ยื่นคำร้องขอให้ปล่อยจำเลยชั่วคราวในระหว่างอุทธรณ์ โดยอ้างว่าได้รับมอบอำนาจจากนางสมบูรณ์ ศรีคำ ศาลชั้นต้นอนุญาต เมื่อศาลชั้นต้นนัดฟังคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ผู้ประกันไม่ส่งตัวจำเลยไปฟังคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ศาลชั้นต้นมีคำสั่งปรับผู้ประกันตามสัญญาผู้ร้องยื่นคำร้องว่า ผู้ร้องไม่เคยประกันหรือมอบให้ผู้ใดประกันตัวจำเลย และไม่เคยประกันตัวจำเลยในคดีอื่นมาก่อน เมื่อผู้ร้องได้รับคำบังคับของศาลชั้นต้นให้ชำระเงินฐานผิดสัญญาประกันตัวจำเลยเป็นเงิน 80,000 บาท ผู้ร้องจึงตรวจสอบเรื่องราวและพบว่านางจิราพร หรือ สมรส วัฒนวรากุล ได้นำหนังสือมอบอำนาจให้ทำนิติกรรมโอนขายที่ดินตามแบบพิมพ์ของกรมที่ดิน ซึ่งผู้ร้องลงชื่อในช่องผู้มอบ มอบให้นางจิราพรผู้ซื้อที่ดิน น.ส.3เลขที่ 768 ตำบลเวียงยอง อำเภอเมืองลำพูน จังหวัดลำพูน ไปจัดการให้ถ้อยคำและโอนเองตามหนังสือสัญญาจะซื้อจะขาย และได้ชำระเงินค่าที่ดินให้แก่ผู้ร้องจำนวน 10,000 บาท ครบถ้วนแล้วปรากฏตามสำเนาภาพถ่ายหนังสือสัญญาจะซื้อจะขายท้ายคำร้องนางจิราพรได้ลงข้อความปลอมเป็นว่ามอบให้ค้ำประกันโดยผู้ร้องไม่ได้อนุญาต รู้เห็นหรือมอบให้ทำเช่นนั้น ขอให้เรียกนางจิราพรมาทำการไต่สวนเพื่อสั่งความรับผิดชำระเงินค่าปรับตามสัญญาศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่า ตามสัญญาจะซื้อจะขายท้ายคำร้องไม่ปรากฏว่ามีการตกลงราคาซื้อขายที่ดินไว้ ไม่น่าเชื่อว่ามีการทำสัญญาจะซื้อจะขายที่จะบังคับกันตามสัญญาจริง ทั้งเหตุตามคำร้องที่ผู้ร้องยอมลงชื่อในหนังสือมอบอำนาจให้นางจิราพร หรือสมรสไม่ชัดแจ้งว่า เงินจำนวน 10,000 บาท ที่ผู้ร้องได้รับนั้นเป็นการชำระราคาส่วนใด เหตุตามคำร้องเลื่อนลอย น่าเชื่อว่าเป็นการประวิงการบังคับคดีให้ล่าช้า ไม่มีเหตุสมควรให้ไต่สวน ให้ยกคำร้อง ผู้ร้องอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน ผู้ร้องฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “คดีนี้ผู้ร้องยื่นคำร้องอ้างว่านางจิราพร ปลอมหนังสือมอบอำนาจของผู้ร้อง ศาลฎีกาเห็นว่าประเด็นที่ศาลจะต้องวินิจฉัยคือหนังสือมอบอำนาจของผู้ร้องปลอมหรือไม่ หากฟังว่าหนังสือมอบอำนาจปลอม สัญญาประกันที่นางจิราพรทำไว้กับศาลชั้นต้นก็เป็นโมฆะไม่ผูกพันผู้ร้อง คำร้องของผู้ร้องจึงมีเหตุสมควรที่จะต้องทำการไต่สวนให้ได้ความชัดในประเด็นดังกล่าวก่อน การที่ศาลล่างทั้งสองด่วนวินิจฉัย โดยเพียงแต่ไม่เชื่อว่ามีการทำสัญญาจะซื้อจะขายท้ายคำร้อง ไม่ฟังพยานหลักฐานอื่นของผู้ร้องเสียก่อนนั้น ศาลฎีกาไม่เห็นพ้องด้วยฎีกาผู้ร้องฟังขึ้น”
พิพากษาให้ยกคำพิพากษาศาลอุทธรณ์และคำสั่งศาลชั้นต้นให้ศาลชั้นต้นดำเนินการไต่สวนแล้วสั่งใหม่ตามรูปคดี