แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ
ย่อสั้น
การที่ ส. ถึงแก่ความตายในที่เกิดเหตุ ส่วนโจทก์ร่วมและ ร. ผู้เสียหายได้รับอันตรายสาหัส สาเหตุเนื่องจากบาดแผลซึ่งเกิดจากรถชนกัน ไม่ปรากฏว่าการที่จำเลยหลบหนีโดยไม่ทำการช่วยเหลือหรือไม่แจ้งเหตุต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ใกล้เคียงทันทีตามที่กำหนดไว้ใน พ.ร.บ. จราจรทางบก พ.ศ. 2522มาตรา 78 เป็นเหตุให้ผู้ตายถึงแก่ความตายหรือผู้เสียหายได้รับอันตรายสาหัสการกระทำของจำเลยจึงไม่เป็นความผิดตามพ.ร.บ. จราจรทางบก พ.ศ. 2522 มาตรา 160 วรรคสอง คงเป็นความผิดตามวรรคแรก
แม้จำเลยจะขับรถโดยประมาทเป็นเหตุให้รถซึ่งจำเลยขับชนกับรถที่ ส.ขับทำให้ส. ถึงแก่ความตาย โจทก์ร่วมกับพวกได้รับอันตรายสาหัสและได้รับอันตรายแก่กายแต่ปรากฏตามฟ้องว่าผู้ตายเป็นฝ่ายขับรถโดยความประมาทด้วย และข้อเท็จจริงได้ความว่าสาเหตุที่รถชนกันนั้นเป็นเพราะผู้ตายกลับรถกลางถนนในเขตชุมนุมชน ผู้ตายจึงเป็นผู้ก่อให้เกิดการกระทำผิดอยู่มาก กรณีมีเหตุอันควรปรานี รอการลงโทษให้แก่จำเลยตาม ป.อ. มาตรา 56.
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 291,300, 390, 91 พระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา(ฉบับที่ 6) พ.ศ. 2526 มาตรา 4 พระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ. 2522มาตรา 43, 78, 157, 160 เพิกถอนใบอนุญาตเป็นผู้ขับรถของจำเลยด้วย
จำเลยให้การปฏิเสธ
ในระหว่างการพิจารณาของศาลชั้นต้น นายไพศาล สุทธิวานิชยกุลผู้เสียหายยื่นคำร้องขอเข้าเป็นโจทก์ร่วมกับพนักงานอัยการจังหวัดสุพรรณบุรีโจทก์ ศาลชั้นต้นมีคำสั่งอนุญาต
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 291, 300, 390 พระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ. 2522 มาตรา 43,157 กระทงหนึ่ง แต่ให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 291 ซึ่งเป็นบทหนัก จำคุก 1 ปี และปรับ 5,000 บาท จำเลยผิดตามพระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ. 2522 มาตรา 78 อีกกระทงหนึ่งจำคุก 3 เดือนและปรับ 3,000 บาท รวมเป็นโทษจำคุก 1 ปี 3 เดือนปรับ 8,000 บาท ไม่ปรากฏว่าจำเลยกระทำผิดมาก่อน ประกอบกับพฤติการณ์แห่งคดีปรากฏว่า นายสุวิสิทธิ์ผู้ตายขับรถยนต์ด้วยความประมาทมากกว่าจำเลย สมควรให้โอกาสจำเลยกลับตนเป็นพลเมืองดีโทษจำคุกให้รอการลงโทษมีกำหนด 2 ปี และเพิกถอนใบอนุญาตเป็นผู้ขับรถของจำเลย
โจทก์ร่วมและจำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า สำหรับความผิดฐานหลบหนีนั้นจำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ. 2522 มาตรา 160ไม่ลงโทษปรับจำเลยและไม่รอการลงโทษให้แก่จำเลย นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
จำเลยฎีกาโดยผู้พิพากษาซึ่งพิจารณาและลงชื่อในคำพิพากษาศาลชั้นต้นอนุญาตให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงได้ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 221
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ข้อเท็จจริงที่โจทก์จำเลยไม่โต้เถียงกันฟังได้เป็นยุติว่า เมื่อวันที่ 1 เมษายน 2527 เวลาประมาณ8 นาฬิกา จำเลยขับรถยนต์โดยสารหมายเลขทะเบียน 10-0032 นครปฐมแล่นไปตามถนนมาลัยแมนจากทางอำเภอเมืองสุพรรณบุรี มุ่งหน้าไปทางอำเภออู่ทอง จังหวัดสุพรรณบุรี ส่วนนายสุวิสิทธิ์ ขับรถยนต์นั่งส่วนบุคคลหมายเลขทะเบียน 4 ก-2345 กรุงเทพมหานคร แล่นไปตามถนนมาลัยแมน มุ่งหน้าไปทางอำเภออู่ทองเช่นเดียวกัน เมื่อรถยนต์ทั้งสองคันแล่นไปถึงตลาดสวนแตง อำเภอเมืองสุพรรณบุรีได้เกิดชนกันเป็นเหตุให้นายสุวิสิทธิ์ถึงแก่ความตาย โจทก์ร่วมและนางสาวรังสิมาได้รับอันตรายสาหัส นางสาวประภัสสรและเด็กชายอภิดลได้รับอันตรายแก่กาย…
ปัญหาที่ว่าจำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ.2522 มาตรา 160 วรรคสอง หรือไม่ เห็นว่า มาตรา 160 วรรคสองบัญญัติว่า “ถ้าการไม่ปฏิบัติตามมาตรา 78 เป็นเหตุให้บุคคลอื่นได้รับอันตรายสาหัสหรือตาย ผู้ไม่ปฏิบัติตามต้องระวางโทษ…” นั้นหมายถึงกรณีที่ผู้ขับรถละเลยไม่ปฏิบัติตามมาตรา 78 แล้วมีผลทำให้ผู้เสียหายได้รับอันตรายสาหัสหรือถึงแก่ความตาย แต่ข้อเท็จจริงคดีนี้ได้ความว่านายสุวิสิทธิ์ถึงแก่ความตายในที่เกิดเหตุ ส่วนโจทก์ร่วมและนางสาวรังสิมาผู้เสียหายได้รับอันตรายสาหัส สาเหตุเนื่องจากบาดแผลซึ่งเกิดจากรถชนกัน ไม่ปรากฏว่าการที่จำเลยหลบหนีโดยไม่ทำการช่วยเหลือหรือไม่แจ้งเหตุต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ใกล้เคียงทันที เป็นเหตุให้ผู้ตายถึงแก่ความตายหรือผู้เสียหายได้รับอันตรายสาหัส การกระทำของจำเลยจึงไม่เป็นความผิดตามมาตรา160 วรรคสอง คงเป็นความผิดตามมาตรา 160 วรรคแรก
ปัญหาที่ต้องวินิจฉัยต่อไปอีกว่ามีเหตุอันควรรอการลงโทษให้แก่จำเลยหรือไม่ เห็นว่าแม้จำเลยจะขับรถโดยประมาทเป็นเหตุให้รถซึ่งจำเลยขับชนกับรถซึ่งนายสุวิสิทธิ์ขับ ทำให้นายสุวิสิทธิ์ถึงแก่ความตาย โจทก์ร่วมกับพวกได้รับอันตรายสาหัสและได้รับอันตรายแก่กาย แต่ปรากฏตามฟ้องว่าผู้ตายเป็นฝ่ายขับรถโดยความประมาทด้วย และข้อเท็จจริงได้ความว่าสาเหตุที่รถชนกันนั้นเป็นเพราะผู้ตายกลับรถกลางถนนในเขตชุมนุมชน ผู้ตายจึงเป็นผู้ก่อให้เกิดการกระทำผิดอยู่มาก กรณีมีเหตุอันควรปรานีรอการลงโทษให้แก่จำเลย…”
พิพากษาแก้เป็นว่า สำหรับความผิดฐานหลบหนีนั้น จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ. 2522 มาตรา 160 วรรคแรกวางโทษจำคุก 1 เดือน และปรับ 2,000 บาท ความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 291 ซึ่งเป็นบทหนัก ลงโทษจำคุก 1 ปีและปรับ 5,000 บาท รวมจำคุกจำเลยมีกำหนด 1 ปี 1 เดือน และปรับ7,000 บาท โทษจำคุกให้รอการลงโทษมีกำหนด 2 ปี ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 56 ถ้าไม่ชำระค่าปรับให้จัดการตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 29, 30 นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์