คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1577/2532

แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา

ย่อสั้น

การที่ห้างหุ้นส่วนจำกัด อ. ผู้ซื้อสินค้ารับสินค้าไปจากการท่าเรือแห่งประเทศไทย โดยมิได้แจ้งให้การท่าเรือแห่งประเทศไทยและตัวแทนของบริษัทเรือที่ขนส่งมาร่วมทำการสำรวจความเสียหายเสียก่อน ทั้งที่ปรากฏว่าลังไม้บรรจุสินค้าแตก ย่อมถือได้ว่าเป็นการรับสินค้าไปในสภาพที่เรียบร้อยแล้ว และเป็นการรับสินค้าไว้โดยมิได้อิดเอื้อน จำเลยผู้ขนส่งร่วมจึงไม่ต้องรับผิดต่อห้างหุ้นส่วนจำกัด อ. ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 623 วรรคแรก แม้ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 623 วรรคแรกจะมิใช่กฎหมายว่าด้วยการรับขนของทางทะเลที่จะต้องใช้บังคับแก่คดีนี้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 609 วรรคสอง แต่โดยที่ประเทศไทยยังไม่มีกฎหมายและกฎข้อบังคับว่าด้วยการรับขนของทางทะเลบัญญัติไว้โดยเฉพาะ จึงต้องนำมาตรา 623 วรรคแรกดังกล่าวซึ่งเป็นกฎหมายที่ใกล้เคียงอย่างยิ่งมาใช้บังคับตามที่ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 4 ได้กำหนดไว้

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า ห้างหุ้นส่วนจำกัดแอลสปีดได้สั่งซื้อสินค้าประเภทอะไหล่ และส่วนประกอบรถยนต์จากบริษัท มาฮินตราแอนด์มาฮินตรา จำกัด ประเทศอินเดีย รวม 32 ลัง ผู้ขายได้ว่าจ้างบริษัทปาซิฟิคอินเตอร์เนชั่นแนลไลน์ พี.ที.อี. จำกัด ให้เป็นผู้ขนส่งสินค้า เนื่องจากบริษัทปาซิฟิคอินเตอร์เนชั่นแนลไลน์พี.ที.อี. จำกัด ผู้ขนส่งทอดแรกไม่มีสำนักงานสาขาในประเทศไทยจึงมอบหมายให้จำเลยเป็นผู้ขนส่งร่วมอีกทอดหนึ่ง เมื่อเรือที่บรรทุกสินค้าเข้าเทียบท่าการท่าเรือแห่งประเทศไทย ปรากฏว่าลังที่บรรจุสินค้าจำนวน 6 ลังแตกและเปียกน้ำ สินค้าได้รับความเสียหายคิดเป็นค่าเสียหาย 91,620 บาท โจทก์ในฐานะผู้รับประกันภัยได้ชดใช้ค่าเสียหายนี้แก่ห้างหุ้นส่วนจำกัดแอลสปีด จึงรับช่วงสิทธิเรียกร้องให้จำเลยและบริษัทปาซิฟิคอินเตอร์เนชั่นแนลไลน์ พี.ที.อี. จำกัด ชดใช้ค่าเสียหายให้แก่โจทก์ ขอให้บังคับให้จำเลยชำระเงินจำนวน 91,620 บาทพร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปี นับแต่วันฟ้องจนกว่าจะชำระให้โจทก์เสร็จ จำเลยให้การว่า โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องจำเลยไม่ได้ร่วมกับบริษัทปาซิฟิคอินเตอร์เนชั่นแนลไลน์ พี.ที.อี.จำกัด รับขนส่งสินค้าพิพาท สินค้าพิพาทไม่ได้รับความเสียหายฟ้องโจทก์ขาดอายุความ ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยใช้เงิน60,000 บาท แก่โจทก์พร้อมดอกเบี้ยร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีนับแต่วันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จ จำเลยอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับให้ยกฟ้องโจทก์ โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาฟังข้อเท็จจริงว่า ข้อเท็จจริงรับฟังไม่ได้ว่าความเสียหายของสินค้าดังกล่าวเกิดขึ้นในขณะที่ขนส่งมาทางเรือ และวินิจฉัยข้อกฎหมายว่า “อนึ่งการที่ห้างหุ้นส่วนจำกัดแอลสปีดรับสินค้าไปจากการท่าเรือแห่งประเทศไทย โดยมิได้แจ้งให้การท่าเรือแห่งประเทศไทยและตัวแทนของบริษัทเรือที่ขนส่งมาร่วมทำการสำรวจความเสียหายเสียก่อน ทั้งที่ปรากฏว่าลังไม้แตกเช่นนี้ ย่อมถือได้ว่าเป็นการรับสินค้าไปในสภาพที่เรียบร้อยแล้ว และเป็นการรับเอาสินค้าไว้โดยมิได้อิดเอื้อน จำเลยจึงไม่ต้องรับผิดต่อห้างหุ้นส่วนจำกัดแอลสปีด ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 623 วรรคแรกซึ่งแม้จะมิใช่กฎหมายว่าด้วยการรับขนของทางทะเลที่จะต้องใช้บังคับแก่คดีนี้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 609 วรรคสองแต่โดยที่ประเทศไทยยังไม่มีกฎหมายและกฎข้อบังคับว่าด้วยการรับขนของทางทะเลบัญญัติไว้โดยเฉพาะ จึงต้องนำมาตรา 623 วรรคแรกดังกล่าวซึ่งเป็นกฎหมายที่ใกล้เคียงอย่างยิ่งมาใช้บังคับตามที่ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 4 ได้กำหนดไว้ เมื่อจำเลยไม่ต้องรับผิดต่อห้างหุ้นส่วนจำกัดแอลสปีด จำเลยจึงไม่ต้องรับผิดต่อโจทก์ซึ่งเป็นผู้รับช่วงสิทธิของห้างหุ้นส่วนจำกัดดังกล่าวแล้วคดีไม่จำต้องวินิจฉัยถึงประเด็นข้ออื่น ที่ศาลอุทธรณ์พิพากษายกฟ้องโจทก์มานั้นชอบแล้ว ฎีกาโจทก์ฟังไม่ขึ้น”
พิพากษายืน

Share