คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 874/2532

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

สิทธิตามสัญญาจ้างแรงงานเป็นสิทธิเฉพาะตัวของโจทก์ผู้เป็นลูกจ้างไม่เป็นสินสมรส การฟ้องเรียกเงินตามสัญญาจ้างแรงงานมิใช่เป็นการจัดการสินสมรส โจทก์ซึ่งเป็นหญิงมีสามีจึงมีอำนาจฟ้องได้ตามลำพังตนเอง โดยไม่ต้องได้รับความยินยอมจากสามี การที่โจทก์มาทำงานสายและทำงานให้แก่จำเลยผู้เป็นนายจ้างไม่ครบตามเวลาที่กำหนด หากเป็นการผิดต่อระเบียบข้อบังคับเกี่ยวกับการทำงานของจำเลย จำเลยชอบที่จะลงโทษทางวินัยตามระเบียบข้อบังคับดังกล่าวได้ หาชอบที่จะเรียกเงินค่าจ้างคืนจากโจทก์ไม่.

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องและแก้ไขคำฟ้องว่า จำเลยจ้างโจทก์เป็นลูกจ้างประจำวันที่ 31 กรกฎาคม 2531 จำเลยเลิกจ้างโจทก์ ขอให้บังคับจำเลยจ่ายค่าชดเชย ค่าเสียหายจากการเลิกจ้างไม่เป็นธรรม สินจ้างแทนการบอกกล่าวล่วงหน้า ค่าทำงานในวันหยุดตามประเพณี ค่าทำงานล่วงเวลา และค่าทำงานวันหยุดพักผ่อนประจำปีพร้อมดอกเบี้ยตามกฎหมาย
จำเลยให้การและฟ้องแย้งว่า โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องเพราะเป็นหญิงมีสามีและไม่ได้รับความยินยอมจากสามีให้ฟ้องคดีนี้ จำเลยเลิกจ้างโจทก์เพราะโจทก์มีพฤติการณ์ไม่เหมาะสมแก่การปฏิบัติหน้าที่ฝ่าฝืนคำสั่งของจำเลยเป็นกรณีร้ายแรง โจทก์จงใจทำให้จำเลยเสียหายและทุจริต โดยมาทำงานสายหรือไม่มาทำงาน แต่ลงชื่อเท็จเพื่อเบิกค่าจ้างค่าล่วงเวลาและให้คนอื่นลงชื่อแทน จำเลยไม่ต้องรับผิดตามฟ้อง ระหว่างการทำงาน โจทก์ทำละเมิดต่อจำเลยโดยทิ้งงานไปสามวัน จำเลยขอคิดค่าเสียหายเพราะทำให้ขาดความเชื่อถือ ค่าจ้างในวันทิ้งงานและวันที่โจทก์มาสาย ขอให้ยกฟ้อง และขอให้โจทก์ใช้เงินจำนวน 420,405 บาท พร้อมดอกเบี้ยแก่จำเลย
โจทก์ให้การแก้ฟ้องแย้งว่า โจทก์มีอำนาจฟ้อง โจทก์ไม่เคยทุจริต โจทก์มาทำงานสายเพียงเล็กน้อย ขอให้ยกฟ้อง
ศาลแรงงานกลางพิพากษาให้จำเลยจ่ายค่าชดเชย ค่าทำงานในวันหยุดพักผ่อนประจำปี ค่าทำงานในวันหยุดตามประเพณี พร้อมดอกเบี้ยแก่โจทก์ คำขออื่นให้ยก และให้ยกฟ้องแย้งของจำเลย
จำเลยอุทธรณ์ต่อศาลฎีกา
ศาลฎีกาแผนกคดีแรงงานวินิจฉัยข้อกฎหมายว่า แม้โจทก์เป็นหญิงมีสามีฟ้องความโดยไม่ได้รับความยินยอมจากสามี แต่สิทธิตามสัญญาจ้างแรงงานเป็นสิทธิเฉพาะตัวของโจทก์ผู้เป็นลูกจ้าง ไม่เป็นสินสมรส การฟ้องเรียกเงินตามสัญญาจ้างแรงงานมิใช่เป็นการจัดการสินสมรสตามบทกฎหมายที่จำเลยอ้าง โจทก์มีอำนาจฟ้องได้ตามลำพังตนเองหาจำต้องได้รับความยินยอมจากสามีโจทก์ก่อนไม่ และการที่โจทก์มาทำงานสายและทำงานให้จำเลยไม่ครบตามเวลาที่กำหนด หากเป็นการผิดต่อระเบียบข้อบังคับเกี่ยวกับการทำงานของจำเลย จำเลยก็ชอบที่จะดำเนินการลงโทษทางวินัยตามระเบียบข้อบังคับการทำงานของจำเลยต่างหาก หาชอบที่จะมาเรียกเงินคืนจากโจทก์ไม่
พิพากษายืน.

Share