คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 851/2532

แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา

ย่อสั้น

แม้ทะเบียนรถจักรยานยนต์จะมิใช่เอกสารแสดงกรรมสิทธิ์ และเป็นเพียงหลักฐานที่กำหนดขึ้นด้วยระเบียบพิธีการเพื่อสะดวกแก่การควบคุมรถ แต่ยังเป็นเอกสารที่มีรายการระบุชื่อผู้เป็นเจ้าของรถและมีรายการเปลี่ยนแปลง การโอนทางทะเบียนอันเป็นพยานหลักฐานแสดงว่าผู้ใดเป็นเจ้าของอย่างหนึ่ง เมื่อคู่มือทะเบียนการเสียภาษีรถมีชื่อบริษัท ฮ. เป็นเจ้าของและผู้ร้องไม่ได้นำผู้มีอำนาจกระทำการแทนบริษัท ฮ. มานำสืบถึงการขายรถจักรยานยนต์ของกลางให้แก่ผู้ร้องตลอดทั้งเหตุแห่งการที่ไม่มีการโอนทางทะเบียน จึงฟังไม่ได้ว่าผู้ร้องเป็นเจ้าของรถจักรยานยนต์ของกลาง

ย่อยาว

คดีสืบเนื่องมาจากโจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยทั้งสองตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 80, 138, 289, 339, 340 ตรี กับขอให้ริบรถจักรยานยนต์ของกลาง คดีอยู่ในระหว่างการพิจารณาของศาลชั้นต้นนายชัยยศ ยรรยงเวโรจน์ ผู้ร้อง ยื่นคำร้องว่าผู้ร้องเป็นเจ้าของรถจักรยานยนต์ของกลาง และมิได้รู้เห็นเป็นใจด้วยในการกระทำความผิดขอให้สั่งคืนของกลางแก่ผู้ร้อง โจทก์คัดค้านว่าของกลางไม่ได้เป็นของผู้ร้องและผู้ร้องรู้เห็นเป็นใจในการกระทำความผิดของจำเลยทั้งสองศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้ยกคำร้อง ผู้ร้องอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับ ให้คืนรถจักรยานยนต์ของกลางแก่ผู้ร้อง โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “คดีมีปัญหาวินิจฉัยในชั้นนี้ตามฎีกาของโจทก์แต่เพียงว่า รถจักรยานยนต์ของกลางเป็นของผู้ร้องหรือไม่ผู้ร้องอ้างตนเองเป็นพยานว่า ผู้ร้องได้ซื้อรถจักรยานยนต์ของกลางมาจากบริษัทไฮเอชเครดิตลิสซิ่ง จำกัด ตามเอกสารหมาย ร.2 เมื่อวันที่ 29 มีนาคม 2527 แล้วต่อมาวันที่ 7 พฤศจิกายน 2529 ผู้ร้องได้ให้นายสมหวัง แสงทองฟ้า พี่ชายของจำเลยที่ 1 เช่าซื้อรถคันดังกล่าวไป โดยมีนายสวัสดิ์ ไข่บางยาง เป็นผู้ค้ำประกันตามสัญญาเช่าซื้อและสัญญาค้ำประกัน เอกสารหมาย ร.3, ร.4 แม้ผู้ร้องจะมีนายสมหวังกับนายสวัสดิ์ มาเป็นพยานเบิกความสนับสนุนก็ตามแต่ปรากฏว่า เอกสารคู่มือการจดทะเบียนรถจักรยานยนต์ของกลางตามเอกสารหมาย ร.6 ผู้มีชื่อเป็นเจ้าของรถ คือบริษัทไฮเอชเครดิตลิสซิ่ง จำกัด รวมทั้งรายการเสียภาษีรถประจำปีก็ปรากฏว่า บริษัทผู้มีชื่อเป็นเจ้าของ เป็นผู้เสียภาษีเรื่อยมาตั้งแต่ประจำปี พ.ศ. 2526 จนถึงภาษีประจำปี พ.ศ. 2530 ดังนั้นตามรายการในคู่มือการจดทะเบียนรถดังกล่าว แสดงว่าการเป็นเจ้าของรถของบริษัทไฮเอชเครดิตลิสซิ่ง จำกัด หาได้มีการเปลี่ยนมือไปยังบุคคลอื่นไม่เฉพาะอย่างยิ่งหากรถคันดังกล่าวตกมาเป็นของผู้ร้องจริง ก็น่าจะมีการโอนใส่ชื่อในทะเบียนเป็นของผู้ร้องนานแล้วคงไม่ปล่อยให้เวลาล่วงเลยนับแต่วันที่ผู้ร้องอ้างว่าได้ซื้อรถคันดังกล่าว จนถึงวันที่รถถูกยึดเป็นเวลาถึง 3 ปีเศษ โดยไม่มีการเปลี่ยนแปลงทางคู่มือทะเบียนรถแต่อย่างใด จริงอยู่แม้ทะเบียนรถจักรยานยนต์จะมิใช่เอกสารแสดงกรรมสิทธิ์ และเป็นเพียงหลักฐานที่กำหนดขึ้นด้วยระเบียบพิธีการเพื่อสะดวกแก่การควบคุมรถก็ตามแต่ยังเป็นเอกสารที่มีรายการระบุชื่อผู้เป็นเจ้าของรถและมีรายการเปลี่ยนแปลง การโอนทางทะเบียนอันเป็นพยานหลักฐานแสดงว่าผู้ใดเป็นเจ้าของอย่างหนึ่ง เมื่อคู่มือทะเบียนการเสียภาษีรถคันดังกล่าวมีชื่อบริษัทไฮเอชเครดิตลิสซิ่ง จำกัด เป็นเจ้าของ และผู้ร้องก็ไม่ได้นำผู้มีอำนาจกระทำการแทนบริษัทไฮเอชเครดิตลิสซิ่ง จำกัดมานำสืบถึงการขายรถจักรยานยนต์ของกลางให้แก่ผู้ร้อง ตลอดทั้งเหตุแห่งการที่ไม่มีการโอนทางทะเบียน ดังนั้น ข้ออ้างของผู้ร้องที่ว่าเป็นเจ้าของรถจักรยานยนต์ของกลางจึงไม่น่าเชื่อ คดีฟังไม่ได้ว่าผู้ร้องเป็นเจ้าของรถจักรยานยนต์ของกลาง ที่ศาลอุทธรณ์พิพากษาให้คืนรถจักรยานยนต์ของกลางแก่ผู้ร้องนั้น ศาลฎีกาไม่เห็นพ้องด้วยฎีกาของโจทก์ฟังขึ้น”
พิพากษากลับ ให้ยกคำร้องของผู้ร้อง

Share