คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 752/2532

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

จำเลยเป็นตัวแทนในการจัดหาคนงานส่งให้แก่บริษัทท. ซึ่งเป็นบริษัทที่ได้รับอนุญาตให้จัดหางานจากกรมแรงงานและมีงานให้ทำในต่างประเทศ การที่จำเลยชักชวนโจทก์ร่วมให้บุตรโจทก์ร่วมสมัครไปทำงานที่ประเทศสิงคโปร์ และรับเงินค่าบริการจากโจทก์ร่วม แม้บุตรของโจทก์ร่วมไม่ได้ทำงาน และจำเลยไม่อาจคืนเงินให้โจทก์ร่วมได้ เพราะได้ส่งเงินให้แก่บริษัท ท. ไปแล้ว ก็ยังถือไม่ได้ว่าจำเลยมีเจตนาทุจริต จำเลยจึงไม่มีความผิดฐานฉ้อโกงและฐานจัดหางานโดยไม่ได้รับอนุญาตตาม พ.ร.บ. จัดหางานและคุ้มครองคนหางานมาตรา 7,27 ส่วนคำขอของโจทก์ให้จำเลยคืนเงินแก่โจทก์ร่วมนั้น เมื่อจำเลยเป็นเพียงตัวแทนของบริษัท ท. ในการจัดหาคนงาน และจำเลยได้นำเงินที่รับจากโจทก์ร่วมส่งให้แก่บริษัท ท. ไปแล้ว จำเลยจึงไม่ต้องคืนเงินให้แก่โจทก์ร่วม.

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 341, 91พระราชบัญญัติจัดหางานและคุ้มครองคนหางาน พ.ศ. 2511 มาตรา 7, 27กับขอให้จำเลยคืนเงินจำนวน 30,000 บาท และ 28,000 บาท ให้แก่ผู้เสียหายทั้งสองและนับโทษจำเลยทั้งสองสำนวนติดต่อกัน
จำเลยทั้งสองสำนวนให้การปฏิเสธ
ระหว่างพิจารณา นายหลอย เงินโม้ กับนางกา หลีกทุกข์ผู้เสียหายทั้งสองขอเข้าเป็นโจทก์ร่วม ศาลชั้นต้นอนุญาต
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 341 รวม 2 กระทง จำคุกกระทงละ 6 เดือน รวม 12 เดือนกับมีความผิดตามพระราชบัญญัติจัดหางานและคุ้มครองคนหางาน พ.ศ. 2528มาตรา 30, 82 แต่ให้ลงโทษ ตามพระราชบัญญัติจัดหางานและคุ้มครองคนหางาน พ.ศ. 2511 มาตรา 7, 27 ซึ่งเป็นกฎหมายที่ใช้บังคับในขณะจำเลยกระทำผิดและเป็นคุณแก่จำเลย จำคุก 1 เดือน รวมจำคุก13 เดือน ลดโทษให้ 1 ใน 6 ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงจำคุก 10 เดือน 25 วัน กับให้จำเลยคืนเงิน 30,000 บาท และ28,000 บาท ให้แก่โจทก์ร่วมทั้งสองตามลำดับ
จำเลยทั้งสองสำนวนอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับ ให้ยกฟ้องโจทก์ทั้งสองสำนวน
โจทก์ทั้งสองสำนวนฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “พิเคราะห์แล้ว ข้อเท็จจริงฟังได้ในเบื้องต้นว่า เมื่อประมาณเดือนพฤศจิกายน 2527 นายสัว เงินโม้ และนายอดุล หลีกทุกข์ บุตรโจทก์ร่วมทั้งสองได้สมัครไปทำงานในประเทศสิงคโปร์ จำเลยได้รับเงินค่าบริการจำนวน 30,000 บาท จากโจทก์ร่วมที่ 1 และ 28,000 บาท จากโจทก์ร่วมที่ 2 และบุตรของโจทก์ร่วมทั้งสองได้เดินทางไปยังประเทศสิงคโปร์แล้ว แต่ไม่ได้ทำงานตามคำชักชวนของจำเลย จึงเดินทางกลับ โจทก์ร่วมทั้งสองทวงเงินจำนวนดังกล่าวคืนจากจำเลย จำเลยไม่ยอมคืนให้ปัญหาที่จะต้องวินิจฉัยตามฎีกาโจทก์ข้อแรกมีว่า จำเลยกระทำความผิดฐานฉ้อโกงโจทก์ร่วมทั้งสองหรือไม่เห็นว่า ถึงแม้โจทก์และโจทก์ร่วมทั้งสองจะนำสืบว่า โจทก์ร่วมทั้งสองส่งนายสัวและนายอดุลไปยังประเทศสิงคโปร์เพื่อทำงานตามคำชักชวนของจำเลยและจ่ายเงินจำนวนดังกล่าวข้างต้นให้จำเลยไปแล้ว แต่นายสัวและนายอดุลไม่ได้ทำงานตามคำชักชวนของจำเลย ฝ่ายจำเลยมีหนังสือรับรองของบริษัทไทยอเมริกัน อินเตอร์เนชั่นแนล รีดรูทเมนท์ จำกัดตามเอกสารหมาย ป.ล.1 มาสืบแสดงว่า จำเลยเป็นตัวแทนของบริษัทดังกล่าวในการจัดหาคนงานส่งให้แก่บริษัท และมีนายฮั้ว คูเรืองรัศมีผู้จัดการฝ่ายต่างประเทศของบริษัทดังกล่าวเป็นพยานเบิกความรับรองว่าจำเลยเป็นตัวแทนของบริษัทดังกล่าวจริง นอกจากนี้จำเลยยังมีเอกสารหมาย ล.2ซึ่งเป็นหลักฐานการโอนเงินค่าหนังสือเดินทางของบุตรโจทก์ร่วมทั้งสอง รวมทั้งของผู้มีชื่ออีก 1 คน ไปเข้าบัญชีเงินฝากของบริษัทดังกล่าว ประกอบกับร้อยตำรวจเอกยงยุทธ พัฒนาภรณ์ พยานโจทก์ซึ่งเป็นพนักงานสอบสวนคดีทั้งสองสำนวนนี้เบิกความเจือสมว่า จำเลยมีอาชีพค้าขาย และเป็นตัวแทนจัดส่งคนไปทำงานยังต่างประเทศ จึงฟังได้ว่าจำเลยเป็นเพียงตัวแทนของบริษัทดังกล่าว ในการจัดหาคนงานส่งให้แก่บริษัท และตามคำเบิกความของนายสมโภช รัตนาปนะโชติหัวหน้าส่วนส่งเสริมธุรกิจแรงงานในต่างประเทศของธนาคารกรุงเทพ จำกัดสำนักงานใหญ่ ซึ่งจำเลยอ้างเป็นพยานก็รับฟังได้ว่า ธนาคารได้ตรวจสอบแล้ว ปรากฎว่าบริษัทซึ่งจำเลยเป็นตัวแทนดังกล่าวนี้เป็นบริษัทที่ได้รับอนุญาตจากกรมแรงงานโดยถูกต้อง และมีงานให้ทำในต่างประเทศจริงดังปรากฎตามสำเนาหนังสือของธนาคารกรุงเทพ จำกัด ที่ พธ/สธต.1622/2528 ลงวันที่ 19 กุมภาพันธ์ 2528 การที่โจทก์ร่วมทั้งสองไปขอเปิดบัญชีสินเชื่อเพื่อส่งบุตรไปทำงานในประเทศสิงคโปร์ ธนาคารกรุงเทพ จำกัด สำนักงานใหญ่ได้ตรวจสอบแล้ว ปรากฎว่าทางประเทศสิงค์โปร์มีงานให้ทำจริง และบริษัทดังกล่าวได้มีสัญญาส่งคนงานให้แก่บริษัทลีกิมต้าที่ประเทศสิงคโปร์อีกทอดหนึ่ง ธนาคารกรุงเทพ จำกัดสำนักงานใหญ่จึงมีหนังสือดังกล่าวข้างต้นแจ้งให้ธนาคารกรุงเทพ จำกัดสาขาบ้านไผ่ ให้สินเชื่อแก่โจทก์ร่วมทั้งสอง เพื่อให้โจทก์ร่วมทั้งสองส่งนายสัวและนายอดุลไปทำงานในประเทศสิงคโปร์ได้ตามพฤติการณ์แห่งคดีชี้ให้เห็นว่าจำเลยมิได้มีเจตนาทุจริต จำเลยจึงไม่มีความผิดฐานฉ้อโกงโจทก์ร่วมทั้งสองตามที่โจทก์ฎีกา
ปัญหาข้อต่อไปมีว่า จำเลยกระทำความผิดฐานจัดหางานโดยไม่ได้รับอนุญาตตามพระราชบัญญัติจัดหางานและคุ้มครองคนหางาน พ.ศ. 2511มาตรา 7, 27 ตามฟ้องหรือไม่ เมื่อข้อเท็จจริงฟังเป็นยุติดังที่วินิจฉัยมาแล้วว่า จำเลยเป็นเพียงตัวแทนของบริษัทไทยอเมริกันอินเตอร์เนชั่นแนล รีครูทเมนท์ จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทที่ได้รับอนุญาตให้จัดหางานจากกรมแรงงานโดยถูกต้อง ดังนั้น การที่จำเลยจัดหางานจึงไม่เป็นความผิดตามฟ้อง ที่ศาลอุทธรณ์พิพากษายกฟ้องโจทก์และโจทก์ร่วมทั้งสองสำนวนในข้อหาทั้งสอง ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย ส่วนคำขอของโจทก์ให้จำเลยคืนเงิน 30,000 บาท และ 28,000 บาท แก่โจทก์ร่วมที่ 1 ที่ 2 ตามลำดับนั้น เมื่อปรากฎว่าจำเลยเป็นเพียงตัวแทนของบริษัทไทยอเมริกัน อินเตอร์เนชั่นแนล รีครูทเมนท์ จำกัด ในการจัดหาคนงานส่งให้แก่บริษัทดังกล่าว และจำเลยได้นำเงินจำนวนข้างต้นที่รับจากโจทก์ร่วมทั้งสองส่งให้แก่บริษัทนี้ไปแล้ว จำเลยจึงไม่ต้องคืนเงินดังกล่าวให้แก่โจทก์ร่วมทั้งสอง…”
พิพากษายืน

Share