คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 602/2532

แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา

ย่อสั้น

ฎีกาของโจทก์ที่โต้เถียงข้อเท็จจริงเพื่อนำไปสู่ปัญหาที่ว่าจำเลยมีเจตนากระทำผิดตามข้อหาที่โจทก์ฟ้องหรือไม่ เป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง เมื่อศาลอุทธรณ์พิพากษายืนให้ยกฟ้องโจทก์ตามศาลชั้นต้นโดยอาศัยข้อเท็จจริง จึงต้องห้ามฎีกาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 220

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157ศาลชั้นต้นไต่สวนมูลฟ้องแล้ว พิพากษายกฟ้อง ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนโจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยข้อกฎหมายว่า “คดีนี้ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์พิพากษายกฟ้องโจทก์โดยฟังข้อเท็จจริงว่า การที่จำเลยมอบรถแทรกเตอร์ของกลางทั้ง 3 คัน ให้ห้างหุ้นส่วนจำกัดบ.ลี่ฮวด เก็บรักษาไว้ยังไม่มีมูลความผิดตามฟ้องโจทก์ ที่โจทก์ฎีกาว่า ตามพยานหลักฐานที่โจทก์นำสืบเพียงพอที่จะฟังได้ว่า คดีของโจทก์มีมูลก็ดี ตามพฤติการณ์ที่จำเลยมอบรถแทรกเตอร์ของกลางทั้ง 3 คัน ให้ห้างหุ้นส่วนจำกัด บ.ลี่ฮวด เก็บรักษาไว้ โดยไม่รอสอบถามหรือสอบสวนโจทก์ และบริษัทฮีโนกีไซ (ประเทศไทย) จำกัด ก่อน ย่อมถือได้ว่าจำเลยปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ก็ดีเป็นการฎีกาโต้แย้งดุลพินิจในการรับฟังพยานหลักฐานของศาลล่างทั้งสอง จึงเป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง ต้องห้ามมิให้ฎีกาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 220 ศาลฎีกาจึงไม่รับวินิจฉัยให้
ส่วนที่โจทก์ฎีกาว่า การที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า แม้จะฟังว่าจำเลยเป็นผู้มอบรถแทรกเตอร์ทั้ง 3 คัน ดังกล่าวให้ห้างหุ้นส่วนจำกัด บ.ลี่ฮวดเป็นผู้ดูแลรักษา เนื่องจากทรัพย์ดังกล่าวเป็นของกลางในคดีอาญา ข้อหายักยอกก็ตาม ก็เป็นเรื่องที่จำเลยในฐานะพนักงานสอบสวนในคดีนั้นใช้ดุลพินิจในการเก็บรักษาทรัยพ์ตามที่เห็นสมควร โดยโจทก์อ้างว่าเป็นการวินิจฉัยโดยไม่มีข้อเท็จจริงปรากฏในสำนวนนั้น เห็นว่า คำวินิจฉัยของศาลอุทธรณ์ดังกล่าวเป็นเหตุผลที่ยกขึ้นอ้างเพื่อแสดงให้เห็นว่า จำเลยมิได้มีเจตนาที่จะกระทำความผิดตามข้อหาที่โจทก์ฟ้อง ฎีกาของโจทก์ที่โต้เถียงในปัญหาข้อเท็จจริง เพื่อนำไปสู่ปัญหาที่ว่าจำเลยมีเจตนากระทำความผิดตามข้อหาที่โจทก์ฟ้องหรือไม่ ไม่ใช่ฎีกาในปัญหาข้อกฎหมาย ศาลฎีกาจึงรับวินิจฉัยให้ไม่ได้เช่นกัน ที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้รับฎีกาโจทก์นั้น ศาลฎีกาไม่เห็นพ้องด้วย”
พิพากษาให้ยกฎีกาโจทก์

Share