คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 190/2532

แหล่งที่มา : ADMIN

ย่อสั้น

ทนายความที่ตัวความแต่งตั้งย่อมมีอำนาจว่าความและดำเนินกระบวนพิจารณาใดๆ แทนตัวความได้ แต่ทนายความไม่มีอำนาจรับเงินซึ่งจะชำระแก่ตัวความเว้นแต่จะได้รับมอบหมายจากตัวความนั้น
โจทก์ว่าจ้างให้จำเลยเป็นทนายความฟ้อง ส. ต่อศาลในความผิดต่อ พระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็คฯ ต่อมาจำเลยในฐานะทนายความได้ทำสัญญาประนีประนอมยอมความกับตัวแทนของ ส.โดย ส.ยอมใช้เงินจำนวน58,000บาทให้แก่โจทก์หากส. นำเงินที่จะต้องชำระแก่โจทก์ไปชำระแก่จำเลย โดยโจทก์มิได้มอบหมายให้จำเลยมีอำนาจรับไว้ได้ เงินที่จำเลยรับไว้จึงยังมิใช่เป็นเงินของโจทก์ดังนี้ แม้จำเลยจะเบียดบังเอาเงินที่ได้รับไว้นั้นเป็นของตนโดยทุจริต ก็ยังไม่เป็นความผิดฐานยักยอกทรัพย์ของโจทก์ และโจทก์ไม่ใช่ผู้เสียหาย ไม่มีสิทธินำคดีมาฟ้อง.(ที่มา-ส่งเสริม)

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์ว่าจ้างจำเลยเป็นทนายความฟ้องนางสุปราณีแซ่ตั้ง เป็นจำเลยในความผิดต่อพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค ต่อมาจำเลยในฐานะทนายความของโจทก์ได้ทำสัญญาประนีประนอมยอมความ ตกลงยอมรับเงินจากนางสุปราณี 58,000 บาท และนางสุปราณีได้ผ่อนชำระให้จำเลยจนครบถ้วนแล้ว เงินจำนวน 58,000 บาทที่นางสุปราณีมอบให้จำเลยนั้นเป็นเงินที่นางสุปราณีชำระหนี้เงินตามเช็คให้โจทก์ โดยมอบให้จำเลยรับแทนเพื่อนำไปมอบให้โจทก์ แต่จำเลยได้เบียดบังยักยอกเงินจำนวนดังกล่าวจากโจทก์ไปเป็นประโยชน์ส่วนตัวโดยทุจริต ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 352
ศาลชั้นต้นไต่สวนมูลฟ้องแล้ว เห็นว่าคดีมีมูลให้ประทับฟ้อง
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 352 ให้จำคุก 6 เดือน
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับ ให้ยกฟ้องโจทก์
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ‘ข้อเท็จจริงในเบื้องต้นฟังได้ว่า โจทก์ได้มอบอำนาจให้นายธวัชชัย อนันตวรานนท ฟ้องนางสุปราณี แซ่ตั้งเป็นจำเลยในคดีอาญาข้อหาความผิดต่อพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็คที่ศาลอาญาธนบุรี นายธวัชชัยได้แต่งตั้งจำเลยเป็นทนายความดำเนินคดีดังกล่าว จำเลยได้ฟ้องนางสุปราณีและได้ทำสัญญาประนีประนอมยอมความกับนายดุสิตเครือแก้ว ตัวแทนของนางสุปราณี โดยนางสุปราณียอมใช้เงินจำนวน58,000 บาท ให้แก่โจทก์และได้ชำระแล้ว แต่โจทก์จำเลยโต้เถียงว่า จำเลยเป็นผู้รับเงินจำนวนดังกล่าวหรือไม่ โดยข้อเท็จจริงปรากฎว่าโจทก์มิได้มอบหมายให้จำเลยเป็นผู้มีอำนาจรับเงินจากนางสุปราณีแทนโจทก์ในประการแรกจะได้วินิจฉัยปัญหาข้อกฎหมายตามฎีกาข้อแรกของโจทก์ที่ว่า การที่จำเลยได้รับมอบเงินจากนางสุปราณีในฐานะทนายความของโจทก์เพื่อชำระหนี้ตามสัญญาประนีประนอมยอมความ โดยโจทก์มิได้มอบหมายให้รับเงินแล้วทุจริตยักยอกเงินดังกล่าวไป จะถือว่าเงินดังกล่าวเป็นของโจทก์และโจทก์เป็นผู้เสียหายหรือไม่ พิเคราะห์แล้วเห็นว่าทนายความที่ตัวความแต่งตั้งย่อมมีอำนาจว่าความและดำเนินกระบวนพิจารณาใดๆ แทนตัวความได้ แต่ทนายความไม่มีอำนาจรับเงินซึ่งจะชำระแก่ตัวความเว้นแต่จะได้รับมอบหมายจากตัวความนั้นหากนางสุปราณีนำเงินที่จะต้องชำระแก่โจทก์ไปชำระแก่จำเลยโดยโจทก์มิได้มอบหมายให้จำเลยมีอำนาจรับไว้ได้ เงินที่จำเลยรับไว้จึงยังมิใช่เป็นเงินของโจทก์ แม้จำเลยจะเบียดบังเอาเงินที่ได้รับไว้นั้นเป็นของตนโดยทุจริต ก็ยังไม่เป็นความผิดฐานยักยอกทรัพย์ของโจทก์ และโจทก์ไม่ใช่ผู้เสียหาย ไม่มีสิทธินำคดีมาฟ้อง คดีไม่จำต้องวินิจฉัยฎีกาของโจทก์ในข้อที่ว่าจำเลยเป็นผู้รับมอบเงินดังกล่าวจากนางสุปราณีหรือไม่ต่อไป…’
พิพากษายืน.

Share