แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา
ย่อสั้น
ทนายความที่ตัวความแต่งตั้งย่อมมีอำนาจว่าความและดำเนินกระบวนพิจารณาใด ๆ แทนตัวความได้ แต่ทนายความไม่มีอำนาจรับเงินซึ่งจะชำระแก่ตัวความเว้นแต่จะได้รับมอบหมายจากตัวความนั้น โจทก์ว่าจ้างให้จำเลยเป็นทนายความฟ้อง ส. ต่อศาลในความผิดต่อพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็คฯ ต่อมาจำเลยในฐานะทนายความได้ทำสัญญาประนีประนอมยอมความกับตัวแทนของ ส.โดย ส.ยอมใช้เงินจำนวน58,000บาทให้แก่โจทก์หากส.นำเงินที่จะต้องชำระแก่โจทก์ไปชำระแก่จำเลย โดยโจทก์มิได้มอบหมายให้จำเลยมีอำนาจรับไว้ได้ เงินที่จำเลยรับไว้จึงยังมิใช่เป็นเงินของโจทก์ แม้จำเลยจะเบียดบังเอาเงินที่ได้รับไว้นั้นเป็นของตนโดยทุจริต ก็ยังไม่เป็นความผิดฐานยักยอกทรัพย์ของโจทก์ และโจทก์ไม่ใช่ผู้เสียหาย ไม่มีสิทธินำคดีมาฟ้อง
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91, 352ศาลชั้นต้นไต่สวนมูลฟ้องแล้ว ให้ประทับฟ้อง จำเลยให้การปฏิเสธศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 352ให้จำคุก 6 เดือน จำเลยอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับ ให้ยกฟ้องโจทก์ โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ข้อเท็จจริงในเบื้องต้นฟังได้ว่าโจทก์ได้มอบอำนาจให้นายธวัชชัย อนันตวรานนท์ ฟ้องนางสุปราณี แซ่ตั้งเป็นจำเลยในคดีอาญาข้อหาความผิดต่อพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็คที่ศาลอาญาธนบุรี นายธวัชชัยได้แต่งตั้งจำเลยเป็นทนายความดำเนินคดีดังกล่าว จำเลยได้ฟ้องนางสุปราณีและได้ทำสัญญาประนีประนอมยอมความกับนายดุสิต เครือแก้ว ตัวแทนของนางสุปราณี โดยนางสุปราณียอมใช้เงินจำนวน 58,000 บาทให้แก่โจทก์และได้ชำระแล้ว แต่โจทก์จำเลยโต้เถียงกันว่า จำเลยเป็นผู้รับเงินจำนวนดังกล่าวหรือไม่ โดยข้อเท็จจริงปรากฏว่าโจทก์มิได้มอบหมายให้จำเลยเป็นผู้มีอำนาจรับเงินจากนางสุปราณีแทนโจทก์ในประการแรกจะได้วินิจฉัยปัญหาข้อกฎหมายตามฎีกาข้อแรกของโจทก์ที่ว่าการที่จำเลยได้รับมอบเงินจากนางสุปราณีในฐานะทนายความของโจทก์เพื่อชำระหนี้ตามสัญญาประนีประนอมยอมความ โดยโจทก์มิได้มอบหมายให้รับเงินแล้วทุจริตยักยอกเงินดังกล่าวไป จะถือว่าเงินดังกล่าวเป็นของโจทก์และโจทก์เป็นผู้เสียหายหรือไม่ พิเคราะห์แล้วเห็นว่าทนายความที่ตัวความแต่งตั้งย่อมมีอำนาจว่าความและดำเนินกระบวนพิจารณาใด ๆ แทนตัวความได้ แต่ทนายความไม่มีอำนาจรับเงินซึ่งจะชำระเงินแก่ตัวความ เว้นแต่จะได้รับมอบหมายจากตัวความนั้นหากนางสุปราณีนำเงินที่จะต้องชำระแก่โจทก์ไปชำระแก่จำเลยโดยโจทก์มิได้มอบหมายให้จำเลยมีอำนาจรับไว้ได้ เงินที่จำเลยรับไว้จึงยังมิใช่เป็นเงินของโจทก์ แม้จำเลยจะเบียดบังเอาเงินที่ได้รับไว้นั้นเป็นของตนโดยทุจริตก็ยังไม่เป็นความผิดฐานยักยอกทรัพย์ของโจทก์ และโจทก์ไม่ใช่ผู้เสียหาย ไม่มีสิทธินำคดีมาฟ้องคดีไม่จำต้องวินิจฉัยฎีกาของโจทก์ในข้อที่ว่าจำเลยเป็นผู้รับมอบเงินดังกล่าวจากนางสุปราณีหรือไม่ต่อไป ที่ศาลอุทธรณ์พิพากษายกฟ้องโจทก์ ต้องด้วยความเห็นของศาลฎีกา ฎีกาของโจทก์ฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน