คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 35/2532

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

คำให้การของจำเลยในชั้นสอบสวนที่พนักงานสอบสวนทำไว้โดยชอบย่อมใช้เป็นหลักฐานยันจำเลยในการพิจารณาได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 134 การที่ศาลนำเอาคำให้การชั้นสอบสวนที่โจทก์อ้างส่งมาประกอบการวินิจฉัยพยานจำเลย มิได้อาศัยแต่เพียงคำให้การในชั้นสอบสวนมาลงโทษจำเลยกรณีถือไม่ได้ว่าเป็นการอ้างจำเลยมาเป็นพยานโจทก์ ดังนี้ไม่ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 232.(ที่มา-ส่งเสริม)

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 357
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 357 ให้จำคุก 6 เดือน
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า จำเลยรับซื้อของกลางทั้งหมดไว้โดยรู้อยู่แล้วว่าเป็นทรัพย์ที่ได้มาโดยการกระทำความผิดฐานลักทรัพย์ และเป็นการกระทำเพื่อค้ากำไรส่วนโทษที่ศาลชั้นต้นลงแก่จำเลยเป็นโทษขั้นต่ำที่กฎหมายบัญญัติไว้แล้ว และไม่มีเหตุสมควรที่จะรอการลงโทษจำคุกให้จำเลย แต่ที่ศาลชั้นต้นมิได้ระบุว่าจำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 357 วรรคใดนั้น เห็นสมควรระบุให้ถูกต้องพิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 357 วรรคสอง นอกจากที่แก้คงให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “…พิเคราะห์แล้ว คำให้การของจำเลยในชั้นสอบสวนที่พนักงานสอบสวนทำการสอบสวนไว้โดยชอบ ย่อมใช้เป็นพยานหลักฐานยันจำเลยในการพิจารณาคดีได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 134 คดีนี้โจทก์ได้อ้างสรรพเอกสารในสำนวนการสอบสวนไว้ในบัญชีพยานแล้ว ในระหว่างพิจารณาโจทก์ก็ได้ส่งบันทึกคำให้การของจำเลยชั้นสอบสวนต่อศาล ปรากฏว่าศาลอุทธรณ์เพียงแต่นำเอาคำให้การดังกล่าวมาประกอบการวินิจฉัยพยานจำเลย เพื่อแสดงให้เห็นว่าคำเบิกความของจำเลยในชั้นพิจารณาแตกต่างกับคำให้การในชั้นสอบสวนเท่านั้น ศาลอุทธรณ์หาได้อาศัยแต่เพียงคำให้การในชั้นสอบสวนมาลงโทษจำเลยแต่อย่างใดไม่ กรณีถือไม่ได้ว่าเป็นการอ้างจำเลยเป็นพยานของโจทก์จึงไม่ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 232 ดังที่จำเลยฎีกา…แต่พิเคราะห์พฤติการณ์แห่งคดีที่จำเลยรับซื้อปลาหมึกของกลางไว้ในราคาถูกก็เพื่อขายให้แก่นักเรียนในโรงเรียนของจำเลยเท่านั้น ทั้งจำเลยสำเร็จการศึกษาครุศาสตร์บัณฑิต มีอาชีพเป็นครู และเป็นผู้จัดการโรงเรียนสำราญวิทยา ไม่เคยกระทำความผิดมาก่อน เพื่อให้โอกาสกลับตนเป็นพลเมืองดี จึงเห็นสมควรรอการลงโทษจำคุกแก่จำเลย”
พิพากษาแก้เป็นว่า ให้รอการลงโทษจำคุกจำเลยไว้มีกำหนด 2 ปีตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 56 นอกจากที่แก้คงให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์

Share