แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา
ย่อสั้น
เมื่อสัญญาเบิกเงินเกินบัญชีที่จำเลยทำไว้กับโจทก์ได้สิ้นสุดลงแล้วไม่ปรากฏรายการเดินสะพัดในบัญชีอันจะเป็นหลักฐานแสดงว่าโจทก์ได้ยอมให้จำเลยเบิกเงินเกินบัญชีต่อไปอีก ทั้งไม่ปรากฏรายการการนำเงินเข้าเพื่อหักทอนหนี้ของยอดเงินที่ยังค้างชำระของฝ่ายจำเลย พฤติการณ์แสดงว่าคู่กรณีทั้งสองฝ่ายให้ถือว่าสัญญาเบิกเงินเกินบัญชีเป็นอันสิ้นสุดลงตามกำหนดระยะเวลาที่ระบุในสัญญา โจทก์จึงไม่มีสิทธิที่จะคิดดอกเบี้ยทบต้นโดยอาศัยข้อตกลงตามสัญญาพิพาทได้อีกต่อไป
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยชำระหนี้เบิกเงินเกินบัญชีจำนวน 1,704,819.29 บาทพร้อมดอกเบี้ยและบังคับจำนอง จำเลยขาดนัดยื่นคำให้การและขาดนัดพิจารณา
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยชำระเงินจำนวน 1,151,805.93 บาทพร้อมดอกเบี้ย หากไม่ชำระให้ยึดทรัพย์จำนองออกขายทอดตลาดชำระหนี้ให้โจทก์ โจทก์อุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ข้อเท็จจริงฟังได้ตามพยานหลักฐานที่โจทก์นำสืบว่า เมื่อวันที่ 7 กันยายน 2525 จำเลยซึ่งเป็นลูกค้าของธนาคารโจทก์ตามบัญชีกระแสรายวันเลขที่ 643 ได้ทำสัญญาเบิกเงินเกินบัญชีกับธนาคารโจทก์ไว้ในวงเงิน 1,000,000 บาทมีกำหนดระยะเวลา 12 เดือน โดยมีข้อตกลงที่จำเลยผู้เบิกเงินเกินบัญชียอมให้ธนาคารโจทก์คิดดอกเบี้ยในอัตราที่กำหนดในสัญญาสำหรับจำนวนเงินที่เบิกเกินบัญชี โดยยอมให้ธนาคารโจทก์คิดดอกเบี้ยในจำนวนเงินที่เบิกเกินบัญชีดังกล่าวเป็นรายเดือน และยอมให้ธนาคารนำจำนวนดอกเบี้ยที่ค้างชำระในแต่ละเดือนรวมเข้ากับต้นเงินที่เบิกเกินบัญชี อันเป็นการคิดดอกเบี้ยทบต้นตามธรรมเนียมประเพณีของธนาคาร ตามบัญชีกระแสรายวันของจำเลยดังกล่าวอันเป็นหลักฐานแห่งหนี้ตามสัญญาเบิกเงินเกินบัญชี ปรากฏรายการเดินสะพัดของบัญชีจนถึงวันที่ 7 กันยายน 2526 อันเป็นวันครบกำหนดเวลาของสัญญา ปรากฏยอดหนี้เป็นเงิน 1,151,805.93 บาท ตามเอกสารหมาย จ.10 มีปัญหาว่าโจทก์ในฐานะธนาคารเจ้าหนี้ยังคงมีสิทธิคิดดอกเบี้ยทบต้นเป็นรายเดือนนับแต่วันสิ้นสุดของสัญญาจนถึงวันที่โจทก์บอกเลิกสัญญาซึ่งกำหนดให้จำเลยชำระหนี้ตามจำนวนในบัญชีเดินสะพัดในวันที่ 26 สิงหาคม 2528 ตามที่โจทก์ฎีกาโต้แย้งขึ้นมาหรือไม่นั้น พิเคราะห์แล้วเห็นว่าตามบัญชีกระแสรายวันของจำเลยลูกค้าธนาคารโจทก์รายพิพาทตามเอกสารหมาย จ.10ไม่ปรากฏรายการเดินสะพัดในบัญชีอันจะเป็นหลักฐานแสดงว่าโจทก์ได้ยอมให้จำเลยลูกค้ารายนี้เบิกเงินเกินบัญชีต่อไปอีกนับแต่วันสิ้นสุดของสัญญาเบิกเงินเกินบัญชีซึ่งมีกำหนดระยะเวลา12 เดือน นับแต่วันที่ 7 กันยายน 2525 ทั้งไม่ปรากฏรายการการนำเงินเข้าเพื่อหักทอนหนี้ของยอดเงินที่ยังค้างชำระของฝ่ายจำเลยซึ่งเป็นลูกหนี้ พฤติการณ์แสดงว่าคู่กรณีทั้งสองฝ่ายให้ถือว่าสัญญาเบิกเงินเกินบัญชีเป็นอันสิ้นสุดลงตามกำหนดระยะเวลาที่ระบุในสัญญาตามเอกสารหมาย จ.4 และ จ.10 โจทก์จึงไม่มีสิทธิที่จะคิดดอกเบี้ยทบต้นโดยอาศัยข้อตกลงตามสัญญาพิพาทได้อีกต่อไป”
พิพากษายืน