แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ
ย่อสั้น
จำเลยนำรถจักรยานยนต์ของกลางไปฝากไว้ในที่รับฝากรถโดยเปิดเผยไม่มีสิ่งใดผิดบังทั้งมิได้เปลี่ยนแปลงสีเดิมของรถทำให้เจ้าของพบเห็นได้โดยง่ายพฤติการณ์ดังกล่าวแสดงให้เห็นได้ว่าจำเลยน่าจะไม่รู้ว่าจักรยานยนต์ของกลางเป็นทรัพย์ที่ได้มาโดยการลักทรัพย์ ดังนี้ ยังไม่พอฟังว่าจำเลยกระทำผิดฐานรับของโจร
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 357
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำคุกจำเลย 1 ปี 4 เดือน
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับเป็นให้ยกฟ้องโจทก์
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ข้อเท็จจริงเบื้องต้นรับฟังได้ว่านายบรรจงยืมรถจักรยานยนต์ของกลางไปจากผู้เสียหาย โดยบอกว่าจะนำมาส่งคืนภายใน 20 นาที แล้วไม่ส่งคืนตามที่ตกลงกันไว้ต่อมาเวลาประมาณ 20 นาฬิกาของวันเกิดเหตุผู้เสียหายติดตามไปพบรถจักรยานยนต์ของกลางจอดอยู่ในที่รับฝากรถหน้าโรงเรียนบริหารธุรกิจพิษณุโลกซึ่งกำลังมีงานลอยกระทงโดยจำเลยเป็นผู้นำไปฝากไว้ คดีมีปัญหาตามฎีกาของโจทก์ว่าจำเลยกระทำความผิดฐานรับของโจรหรือไม่ โจทก์ไม่มีพยานรู้เห็นพฤติการณ์ที่จำเลยรับรถจักรยานยนต์ของกลางไว้ ปรากฏตามคำเบิกความของผู้เสียหายและภรรยาแต่เพียงว่า ผู้เสียหายพบรถจักรยานยนต์ของกลางในบริเวณที่รับฝากรถหน้าโรงเรียนบริหารธุรกิจพิษณุโลกเมื่อเวลาประมาณ 20 นาฬิกา ของวันที่เกิดเหตุนั่นเอง ผู้เสียหายมองดูแต่ไกลก็เห็นรถจักรยานยนต์ของกลางเพราะไม่มีสิ่งใดปิดบังและสีรถยังคงเหมือนเดิม เห็นว่า การที่จำเลยขับขี่รถจักรยานยนต์ของกลางไปในงานลอยกระทงซึ่งเป็นที่ชุมนุมชน และนำไปฝากไว้ในที่รับฝากรถอย่างเปิดเผยโดยไม่มีสิ่งใดปิดบัง และมิได้เปลี่ยนแปลงสีเดิมของรถทำให้ผู้เสียหายพบเห็นรถของตนได้โดยง่ายเช่นนี้ เป็นพฤติการณ์ที่แสดงให้เห็นว่าจำเลยน่าจะไม่รู้ว่ารถจักรยานยนต์ของกลางเป็นทรัพย์ที่ได้มาโดยการลักทรัพย์แม้จะได้ความจากผู้เสียหายและภรรยาว่าจำเลยรับว่าซื้อรถจักรยานยนต์ของกลางมาในราคาเพียง 1,000 บาท ซึ่งต่ำกว่าราคาจริงมาก แต่จำเลยก็นำสืบว่า ในวันเกิดเหตุให้นายบรรจงยืมเงินไป 1,000 บาทแล้วนายบรรจงมอบรถจักรยานยนต์ของกลางให้ไว้และบอกว่าจะนำเงินมาชำระในวันรุ่งขึ้นโดยจ่าสิบเอกยงยุทธ เสงี่ยมพงษ์ และพันตรีองอาจรัตน์วิชัย มาเบิกความสนับสนุนข้ออ้างดังกล่าว จึงอาจเป็นไปได้ว่าพยานโจทก์ทั้งสองรับฟังคำบอกเล่าของจำเลยดังกล่าวแล้วเข้าใจผิดว่าจำเลยรับซื้อรถจักรยานยนต์ของกลางไว้ ซึ่งความจริงจำเลยอาจจะเล่าให้ฟังว่าจำเลยรับรถจักรยานยนต์ของกลางไว้เป็นประกันเงินกู้ดังที่จำเลยนำสืบก็ได้ ที่โจทก์นำสืบว่าจำเลยให้การรับสารภาพในชั้นจับกุมนั้นก็ปรากฏว่าในบันทึกการจับกุมเอกสารหมาย จ.1 ไม่มีข้อความโดยชัดแจ้งว่าจำเลยรับสารภาพในความผิดฐานลักทรัพย์หรือรับของโจร ทั้งไม่ปรากฏรายละเอียดว่าจำเลยรับรถจักรยานยนต์ของกลางมาอย่างไร ดังนั้นจะฟังว่าจำเลยรู้ว่ารถจักรยานยนต์ของกลางเป็นทรัพย์อันได้มาโดยการลักทรัพย์ยังไม่ได้ พยานหลักฐานของโจทก์ยังไม่พอฟังว่าจำเลยกระทำความผิดฐานรับของโจร”
พิพากษายืน