แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา
ย่อสั้น
โจทก์บรรยายฟ้องว่าจำเลยเคยต้องคำพิพากษาถึงที่สุดให้รอการลงโทษจำคุกไว้ ขอให้ศาลนำโทษจำคุกที่รอการลงโทษไว้มาบวกกับโทษในคดีที่โจทก์ฟ้องด้วย ข้อเท็จจริงตามคำฟ้องดังกล่าวเป็นข้อเท็จจริงต่างหากจากข้อเท็จจริงที่โจทก์บรรยายว่าจำเลยกระทำผิดในคดีที่โจทก์ฟ้องและเป็นข้อเท็จจริงที่โจทก์มีหน้าที่นำสืบให้ปรากฏ เมื่อจำเลยให้การรับสารภาพเพียงว่าได้กระทำความผิดจริงตามฟ้องเท่านั้น มิได้ให้การรับด้วยว่าจำเลยเป็นคนเดียวกับจำเลยในคดีอาญาที่โจทก์อ้างมาในฟ้องและโจทก์ก็ไม่ได้นำสืบพยานให้ปรากฏ แม้รายการประวัติอาชญากรที่พนักงานคุมประพฤติส่งต่อศาลชั้นต้นพร้อมกับรายงานการสืบเสาะ จะระบุรายการตรงกับที่โจทก์บรรยายไว้ในฟ้อง ซึ่งคู่ความทั้งสองฝ่ายแถลงไม่ติดใจคัดค้านกรณีก็ยังไม่อาจรับฟังเป็นยุติว่า จำเลยเคยต้องคำพิพากษาในคดีก่อนตามรายการประวัติอาชญากร จึงฟังไม่ได้ว่าจำเลยเป็นคนเดียวกับจำเลยในคดีอาญาที่โจทก์อ้างมาในฟ้องจะนำโทษในคดีดังกล่าวมาบวกกับโทษในคดีที่โจทก์ฟ้องไม่ได้
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยมีเฮโรอีน และเคยต้องคำพิพากษาที่ศาลให้รอการลงโทษมาก่อน ขอให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษฯ และบวกโทษที่รอไว้ จำเลยให้การรับสารภาพว่าได้กระทำผิดตามฟ้อง ศาลชั้นต้นพิพากษาจำคุก 1 ปี โจทก์อุทธรณ์ขอให้บวกโทษที่รอด้วยศาลอุทธรณ์พิพากษายืน โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “มีปัญหาในชั้นนี้ตามฎีกาของโจทก์เพียงข้อเดียวว่า ที่ศาลล่างทั้งสองไม่นำโทษจำคุกของจำเลยในคดีหมายเลขแดงที่ 2482/2530 และ 2796/2530 ของศาลแขวงพระนครใต้ ซึ่งให้จำคุกจำเลยคดีละ 15 วัน และรอการลงโทษไว้แต่ละคดีภายในกำหนด 1 ปี มาบวกเข้ากับโทษของจำเลยในคดีนี้นั้นชอบด้วยกฎหมายหรือไม่พิเคราะห์แล้ว ปรากฏตามคำบรรยายฟ้องของโจทก์คดีนี้ว่า จำเลยเคยต้องคำพิพากษาถึงที่สุดของศาลแขวงพระนครใต้ คดีหมายเลขแดงที่ 2482/2530 และ 2796/2530ให้ลงโทษจำคุกคดีละ 15 วัน ปรับคดีละ 500 บาท โทษจำคุกรอการลงโทษมีกำหนดคดีละ 1 ปี จำเลยมากระทำผิดคดีนี้อีกขอให้นำโทษจำคุกของจำเลยทั้งสองคดีดังกล่าวมาบวกกับโทษจำเลยในคดีนี้ด้วย เห็นว่า ข้อเท็จจริงที่ว่าจำเลยคดีนี้เป็นจำเลยคนเดียวกับจำเลยในคดีอาญาหมายเลขแดงที่ 2482/2530 และ 2796/2530ของศาลแขวงพระนครใต้ และศาลดังกล่าวได้พิพากษาลงโทษและรอการลงโทษจำเลยไว้แต่ละคดีมีกำหนดเวลา 1 ปีนั้น เป็นข้อเท็จจริงต่างหากจากข้อเท็จจริงที่โจทก์บรรยายว่าจำเลยกระทำผิดในคดีนี้และเป็นข้อเท็จจริงที่โจทก์มีหน้าที่นำสืบให้ปรากฏ คดีนี้จำเลยให้การรับสารภาพเพียงว่าได้กระทำความผิดจริงตามฟ้องเท่านั้นจำเลยมิได้ให้การรับด้วยว่าจำเลยเป็นคนเดียวกับจำเลยในคดีอาญาที่โจทก์อ้างมาในฟ้อง โจทก์ก็ไม่ได้นำสืบพยานให้ปรากฏเช่นนั้นส่วนข้อที่โจทก์ฎีกาว่าข้อเท็จจริงในสำนวนฟังได้ว่าจำเลยเคยต้องคำพิพากษาในคดีที่โจทก์อ้างมาในฟ้องเพราะตามรายการประวัติอาชญากรที่พนักงานคุมประพฤติส่งต่อศาลชั้นต้นพร้อมกับรายงานการสืบเสาะของพนักงานคุมประพฤติระบุไว้ในรายการที่ 9 และ 10ตรงกับที่โจทก์บรรยายไว้ในฟ้องนั้น ก็ปรากฏในรายงานกระบวนพิจารณาของศาลชั้นต้นเพียงว่าคู่ความทั้งสองฝ่ายไม่ติดใจคัดค้านรายงานการสืบเสาะของพนักงานคุมประพฤติเท่านั้น กรณียังไม่อาจรับฟังเป็นยุติว่าจำเลยเคยต้องคำพิพากษาในคดีก่อนตามรายการทะเบียนประวัติอาชญากรดังกล่าวได้ ข้อเท็จจริงจึงรับฟังไม่ได้ว่าจำเลยนี้เป็นคนเดียวกับจำเลยในคดีอาญาหมายเลขแดงที่2482/2530 และ 2796/2530 ของศาลแขวงพระนครใต้ ที่ศาลล่างทั้งสองไม่นำโทษของจำเลยในคดีดังกล่าวมาบวกกับโทษของจำเลยในคดีนี้จึงชอบแล้ว”
พิพากษายืน