คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3330/2531

แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา

ย่อสั้น

ฟ้องว่าแสดงพยานหลักฐานอันเป็นเท็จในการพิจารณาคดี แต่มิได้บรรยายว่าพยานหลักฐานอันเป็นเท็จที่จำเลยแสดงต่อศาลนั้นเป็นข้อสำคัญในคดีอย่างไร อีกทั้งเมื่ออ่านคำฟ้องของโจทก์ทั้งหมดแล้วก็ไม่อาจเข้าใจได้เช่นนั้น คำฟ้องของโจทก์จึงขาดองค์ประกอบความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 180

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 137, 180,83, 91 ศาลชั้นต้นยกฟ้องในชั้นตรวจคำฟ้อง ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนโจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ฎีกาข้อแรกของโจทก์มีใจความว่า โจทก์ฟ้องจำเลยทั้งสองถึงสองกระทงความผิดคือตามมาตรา 137 และมาตรา 180แห่งประมวลกฎหมายอาญา แต่ปรากฏว่าศาลล่างหยิบยกคดีมาพิเคราะห์เพียงมาตราเดียวคือ มาตรา 180 เท่านั้น โดยที่มิได้กล่าวถึงคดีความผิดตามมาตรา 137 นั้น เห็นว่า ศาลชั้นต้นได้วินิจฉัยไว้แล้วว่าโจทก์ฟ้องกล่าวหาว่าจำเลยทั้งสองร่วมกันทำหนังสือแจ้งความเท็จต่อผู้พิพากษาศาลอาญา โดยศาลหมายเรียกให้จำเลยทั้งสองส่งต้นฉบับคำสั่งที่ 9/2515 ลงวันที่ 26 มีนาคม 2515 ต่อศาลเพื่อประกอบการพิจารณา จำเลยทั้งสองไม่ได้นำส่งต้นฉบับคำสั่งดังกล่าวต่อศาลแต่ได้เอาสำเนาที่มีเลขานุการบริษัทรับรองความถูกต้องส่งศาลแทนโดยไม่ปรากฏว่าสำเนาพยานเอกสารผู้อ้างต้องการ เป็นสำเนาเอกสารซึ่งไม่ตรงกับต้นฉบับ เมื่อจำเลยส่งสำเนาแทนต้นฉบับแล้วก็ถือว่าจำเลยได้ปฏิบัติตามหมายเรียกของศาลแล้ว โจทก์ย่อมไม่ได้รับความเสียหาย คำวินิจฉัยของศาลชั้นต้นดังกล่าวเป็นการวินิจฉัยฟ้องของโจทก์ในข้อหาแจ้งความเท็จแล้วว่า โจทก์ไม่ได้รับความเสียหายการกระทำของจำเลยจึงไม่เป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 137โจทก์มิได้อุทธรณ์โต้แย้งคำสั่งของศาลชั้นต้นในปัญหาข้อนี้ ปัญหาข้อนี้จึงยุติไปแล้วตามคำสั่งศาลชั้นต้น ศาลอุทธรณ์มิได้หยิบยกปัญหาข้อนี้ขึ้นวินิจฉัยจึงชอบแล้ว ฎีกาของโจทก์ข้อนี้ฟังไม่ขึ้น
ส่วนข้อที่โจทก์ฎีกาว่า ฟ้องของโจทก์ได้บรรยายถึงพยานเอกสารที่ว่าเป็นเท็จไว้อย่างชัดแจ้ง สามารถเข้าใจอยู่ในตัวแล้วว่าเอกสารดังกล่าวเป็นข้อสำคัญในคดีอย่างไร จำเลยก็สามารถเข้าใจข้อหาได้ดีตามกฎหมายนั้น พิเคราะห์แล้ว ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 180บัญญัติว่า “ผู้ใดนำสืบหรือแสดงพยานหลักฐานอันเป็นเท็จในการพิจารณาคดี ถ้าเป็นพยานหลักฐานในข้อสำคัญในคดีนั้น ต้องระวางโทษฯ”ตามบทบัญญัติดังกล่าวองค์ประกอบสำคัญประการหนึ่งก็คือ พยานหลักฐานที่นำสืบหรือแสดงต้องเป็นข้อสำคัญในคดีนั้น ซึ่งโจทก์จะต้องบรรยายมาในฟ้อง แต่ฟ้องของโจทก์มิได้บรรยายว่าพยานหลักฐานอันเป็นเท็จที่จำเลยแสดงต่อศาลนั้นเป็นข้อสำคัญในคดีอย่างไร อีกทั้งเมื่ออ่านคำฟ้องของโจทก์ทั้งหมดแล้วก็ไม่อาจเข้าใจได้เช่นนั้น คำฟ้องของโจทก์จึงขาดองค์ประกอบความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 180 ไม่ชอบที่ศาลจะพึงรับไว้พิจารณา คำวินิจฉัยของศาลอุทธรณ์ในปัญหาข้อนี้ชอบแล้ว ฎีกาของโจทก์ฟังไม่ขึ้นอีกเช่นกัน”
พิพากษายืน

Share