คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2983/2531

แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา

ย่อสั้น

ก่อนเกิดเหตุผู้ตายนั่งซ้อนท้ายรถจักรยานยนต์จะกลับบ้านระหว่างทางพบจำเลยขี่รถจักรยานยนต์ตามมา เมื่อเข้าใกล้กันจำเลยได้ทวงหนี้ค่าสุราจากผู้ตาย ผู้ตายเรียกให้จำเลยหยุดรถเพื่อจะใช้เงิน แต่เมื่อเข้ามาจริง ๆ ผู้ตายมีลักษณะโกรธเคือง และพูดว่าต้องสั่งสอน ผู้ตายเดินเข้าไปหาจำเลยเพื่อจะทำร้าย ปรากฏว่าผู้ตายเป็นคนรูปร่างสูงใหญ่ แข็งแรง และอ้วนกว่าจำเลย จำเลยจึงมีสิทธิป้องกันตัวไม่ให้ถูกทำร้าย แต่การป้องกันตัวของจำเลยดังกล่าวจำเลยได้ใช้อาวุธปืนซึ่งเป็นอาวุธร้ายแรงยิงผู้ตายซึ่งเชื่อว่ามีเพียงมือเปล่าเท่านั้น จึงเป็นการป้องกันเกินสมควรแก่เหตุการกระทำของจำเลยเป็นความผิดฐานฆ่าผู้อื่นโดยป้องกันตัวเกินสมควรแก่เหตุตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288 ประกอบด้วยมาตรา 69

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา288 จำเลยให้การปฏิเสธ ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288 ประกอบด้วยมาตรา 69 ให้จำคุก6 ปี จำเลยให้การรับสารภาพชั้นจับกุมเป็นเหตุบรรเทาโทษลดโทษให้หนึ่งในสามตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 จำคุก4 ปี โจทก์อุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288 จำคุก 20 ปี ลดโทษให้หนึ่งในสี่คงจำคุก 15 ปี จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ข้อเท็จจริงรับกันว่า จำเลยใช้ปืนยิงผู้ตายถึงแก่ความตายจริง คดีคงมีปัญหาว่า การกระทำของจำเลยเป็นการป้องกันตัวเกินสมควรแก่เหตุ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 69หรือไม่ ปัญหานี้โจทก์มีนายปรีชาซึ่งเป็นประจักษ์พยานปากเดียวเบิกความว่าผู้ตายลงจากรถจักรยานยนต์แล้วเดินเข้าไปหาจำเลยเมื่อผู้ตายเข้าไปใกล้จำเลยจำเลยพูดขึ้นว่า “อย่าเข้ามา อย่าเข้ามา”แต่ผู้ตายยังคงเดินเข้าไปเมื่อเข้าใกล้ประมาณ 1 วา จำเลยชักปืนยิง 1 นัด ผู้ตายล้มลง ตามคำพยานโจทก์ปากนี้ ฟังได้ชัดเจนว่าผู้ตายเดินเข้าไปหาจำเลย แต่มีปัญหาว่าผู้ตายเดินเข้าไปหาจำเลยทำไม จำเลยว่าผู้ตายเรียกให้หยุดรถเพื่อจะใช้เงินแต่เมื่อเข้ามาจริง ๆ ผู้ตายมีลักษณะโกรธเคือง และพูดว่าต้องสั่งสอน คำของพยานโจทก์จึงเจือสมฝ่ายจำเลยว่า ผู้ตายเข้าไปหาจำเลยเพื่อจะทำร้ายและปรากฏตามคำนายปรีชาพยานโจทก์ว่าผู้ตายเป็นคนรูปร่างสูงใหญ่แข็งแรงและอ้วนกว่าจำเลย จำเลยจึงมีสิทธิป้องกันตัวไม่ให้ถูกทำร้ายแต่การป้องกันตัวของจำเลยดังกล่าวจำเลยได้ใช้อาวุธปืนซึ่งเป็นอาวุธร้ายแรงยิงผู้ตายซึ่งเชื่อว่ามีเพียงมือเปล่าเท่านั้น เพราะไม่ปรากฏว่าใครเห็นว่าผู้ตายมีอาวุธจึงเป็นการป้องกันเกินสมควรแก่เหตุ การกระทำของจำเลยเป็นความผิดฐานฆ่าผู้อื่น ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288 โดยป้องกันตัวเกินสมควรแก่เหตุ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 69 ฎีกาจำเลยฟังขึ้น”
พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 288 ประกอบด้วยมาตรา 69 ให้จำคุก 10 ปี จำเลยให้การรับสารภาพในชั้นจับกุมเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา เป็นเหตุบรรเทาโทษสมควรลดโทษให้หนึ่งในสี่ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78คงจำคุกจำเลย 7 ปี 6 เดือน

Share