คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2893/2531

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

คำร้องคัดค้านของผู้คัดค้านมิได้คัดค้านว่า ผู้ร้องมิใช่ทายาทหรือผู้มีส่วนได้เสียที่จะมีสิทธิยื่นคำร้องขอเป็นผู้จัดการมรดก หรือผู้ร้องเป็นบุคคลต้องห้ามที่จะเป็นผู้จัดการมรดก แต่อ้างเป็นทำนองว่า ไม่มีทรัพย์มรดกของผู้ตายที่จะต้องจัดการ เนื่องจากทรัพย์มรดกทั้งหมดคือที่ดิน 4 แปลงตามคำร้องเป็นของผู้คัดค้าน แต่ปรากฏตามหนังสือรับรองการทำประโยชน์ว่าผู้ตายเป็นเจ้าของผู้ครอบครองและทำประโยชน์ในที่ดินทั้ง 4 แปลงนั้น ทั้งผู้คัดค้านเคยฟ้องบุตรของผู้ตายรวมทั้งผู้ร้องให้โอนที่ดินดังกล่าวให้ผู้คัดค้าน แต่ศาลพิพากษายกฟ้อง และมิได้วินิจฉัยว่าที่ดินดังกล่าวเป็นของผู้คัดค้านดังที่ผู้คัดค้านอ้าง หลักฐานในคำร้องคัดค้านของผู้คัดค้านกลับแสดงให้เห็นในเบื้องต้นว่า มีทรัพย์มรดกของผู้ตายที่จะต้องจัดการอันเป็นเหตุที่จะต้องแต่งตั้งผู้จัดการมรดกดังที่ผู้ร้องยื่นคำร้องขอ ถือไม่ได้ว่าผู้ร้องใช้สิทธิโดยไม่สุจริต
ข้อพิพาทที่ว่าผู้คัดค้านหรือเจ้ามรดกเป็นเจ้าของผู้ครอบครองและทำประโยชน์ในที่ดินดังกล่าว เป็นเรื่องที่ผู้คัดค้านต้องไปว่ากล่าวเป็นอีกเรื่องหนึ่งต่างหาก จะขอให้ศาลพิพากษาแสดงสิทธิในคดีขอตั้งผู้จัดการมรดกหาได้ไม่.

ย่อยาว

ผู้ร้องยื่นคำร้องว่า ผู้ร้องเป็นบุตรผู้ตาย ผู้ตายมีทรัพย์มรดกคือที่ดิน 4 แปลง ขอให้ศาลมีคำสั่งตั้งผู้ร้องเป็นผู้จัดการมรดกของผู้ตาย
ผู้คัดค้านยื่นคำร้องคัดค้านว่า ผู้คัดค้านเป็นภรรยาผู้ตายแต่ไม่ได้จดทะเบียนสมรสกัน ที่ดินทั้ง 4 แปลงเป็นของผู้คัดค้าน ขอให้พิพากษาว่าผู้คัดค้านเป็นเจ้าของผู้มีสิทธิครอบครองที่ดินดังกล่าว ให้แก้ชื่อในทะเบียนที่ดินเป็นชื่อผู้คัดค้าน และยกคำร้องของผู้ร้อง
ศาลชั้นต้นสั่งว่า ผู้คัดค้านมิได้คัดค้านว่า ผู้ร้องไม่สมควรเป็นผู้จัดการมรดกแต่อย่างใด คงอ้างว่าที่ดินทั้ง 4 แปลงเป็นของผู้คัดค้านขอให้แก้ชื่อในทะเบียนให้เป็นของผู้คัดค้าน ซึ่งเป็นเรื่องที่ผู้คัดค้านต้องไปว่ากล่าวเป็นอีกเรื่องหนึ่ง จึงไม่รับคำคัดค้าน
ผู้คัดค้านอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
ผู้คัดค้านฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า คดีมีปัญหาว่า ศาลควรจะรับคำร้องคัดค้านของผู้คัดค้านไว้พิจารณาหรือไม่ ศาลฎีกาเห็นว่า ตามคำร้องคัดค้านของผู้คัดค้านมิได้คัดค้านว่า ผู้ร้องมิใช่เป็นทายาทหรือผู้มีส่วนได้เสียที่จะมีสิทธิยื่นคำร้องขอเป็นผู้จัดการมรดก หรือผู้ร้องเป็นบุคคลต้องห้ามที่จะเป็นผู้จัดการมรดกแต่อย่างใด เมื่อพิเคราะห์คำร้องคัดค้านโดยละเอียดแล้ว ผู้คัดค้านอ้างเป็นทำนองว่า ไม่มีทรัพย์มรดกที่จะต้องจัดการ เนื่องจากทรัพย์มรดกทั้งหมดคือที่ดินทั้ง 4 แปลง ตามที่ระบุในคำร้องของผู้ร้องนั้น เป็นของผู้คัดค้านทั้งสิ้น แต่ปรากฏตามหลักฐานหนังสือรับรองการทำประโยชน์ของที่ดินทั้ง 4 แปลงดังกล่าว ตามเอกสารท้ายคำร้องคัดค้านหมายเลข 1 ถึงหมายเลข 4 ว่า ผู้ตายเป็นเจ้าของผู้ครอบครองและทำประโยชน์ในที่ดินทั้ง 4 แปลงนั้น ทั้งผู้คัดค้านเคยฟ้องบุตรของผู้ตายทั้ง 4 คน ซึ่งรวมทั้งผู้ร้องด้วยให้โอนที่ดินดังกล่าวให้ผู้คัดค้าน แต่ศาลก็ได้พิพากษายกฟ้องตามสำเนาคำพิพากษาเอกสารท้ายคำร้องคัดค้านหมายเลข 5และศาลมิได้วินิจฉัยว่าที่ดินเหล่านั้นเป็นของผู้คัดค้านดังที่ผู้คัดค้านอ้างมาในฎีกาแต่อย่างใด ดังนั้น ตามหลักฐานในคำร้องคัดค้านของผู้คัดค้านเองกลับแสดงให้เห็นในเบื้องต้นว่า มีทรัพย์มรดกของผู้ตายที่จะต้องจัดการ อันเป็นเหตุที่จะต้องแต่งตั้งผู้จัดการมรดกดังที่ผู้ร้องได้ยื่นคำร้องขอนั้น ถือไม่ได้ว่าผู้ร้องใช้สิทธิโดยไม่สุจริต ดังที่ผู้คัดค้านฎีกา จึงไม่มีข้อคัดค้านอื่นใดเหลืออยู่ในคำร้องคัดค้าน ส่วนข้อพิพาทที่ว่าผู้คัดค้านหรือเจ้ามรดกเป็นเจ้าของผู้ครอบครองและทำประโยชน์ในที่ดินดังกล่าวนั้น เป็นเรื่องที่ผู้คัดค้านต้องไปว่ากล่าวเป็นอีกเรื่องหนึ่งต่างหาก จะขอให้ศาลพิพากษาแสดงสิทธิในคดีนี้หาได้ไม่ คำร้องคัดค้านของผู้คัดค้านจึงไม่เป็นคำร้องที่ศาลสมควรจะรับไว้พิจารณา ที่ศาลล่างทั้งสองวินิจฉัยต้องกันมาไม่รับคำร้องคัดค้านนั้น ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วยฎีกาของผู้คัดค้านฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน.

Share