คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2833/2531

แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา

ย่อสั้น

โจทก์ฟ้องว่าจำเลยเล่นแชร์กับโจทก์รวม 3 วงแล้วผิดสัญญาไม่ชำระค่าแชร์ ทุนทรัพย์ในคดีต้องแยกตามสัญญาเล่นแชร์แต่ละวงสำหรับแชร์วงที่ 2 และวงที่ 3 ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง โจทก์มิได้อุทธรณ์จึงเป็นอันยุติไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น ส่วนแชร์วงแรกทุนทรัพย์ที่พิพาทไม่เกิน 50,000 บาท จึงต้องห้ามฎีกาในข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 248

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่าจำเลยเล่นแชร์กับโจทก์รวม 3 วง จำเลยเป็นนายวงแชร์โจทก์เปียได้ จำเลยเรียกเก็บเงินจากสมาชิกผู้ร่วมเล่นแล้วไม่ยอมนำเงินที่เก็บได้จากวงแรกเป็นเงิน 48,000 บาท จากวงที่2 เป็นเงิน 30,000 บาท และจากวงที่ 3 เป็นเงิน 20,000 บาท มามอบให้โจทก์ ขอให้บังคับจำเลยชำระเงิน 98,000 บาทให้แก่โจทก์พร้อมดอกเบี้ย จำเลยให้การปฏิเสธหลายประการ ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยชำระเงิน 48,000 บาท พร้อมดอกเบี้ย จำเลยอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “คดีนี้โจทก์ฟ้องว่าจำเลยเล่นแชร์กับโจทก์รวม 3 วง แล้วผิดสัญญาไม่ชำระค่าแชร์ ทุนทรัพย์ในคดีนี้จึงต้องแยกออกตามสัญญาเล่นแชร์แต่ละวงตามนัยคำพิพากษาฎีกาที่ 2468/2527ระหว่าง นางอารีย์ ทั่งศรี โจทก์ นางสาวสุคนธ์หรือมณีจินดาศรี จำเลยสำหรับแชร์วงที่ 2 หุ้นละ 100 บาท และแชร์วงที่ 3หุ้นละ 500 บาทนั้น ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง โจทก์มิได้อุทธรณ์จึงเป็นอันยุติไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น ส่วนแชร์วงแรกหุ้นละ 1,000 บาทนั้น ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นโดยฟังข้อเท็จจริงว่า โจทก์เล่นแชร์กับจำเลย 4 หุ้น โจทก์ประมูล 2 หุ้นแรกได้และจำเลยในฐานะนายวงได้ชำระเงินให้โจทก์ครบถ้วนแล้วส่วนอีก 2 หุ้นหลัง จำเลยยังค้างชำระเงินแก่โจทก์รวม 48,000 บาทและเมื่อแชร์วงนี้มีจำนวนทุนทรัพย์ที่พิพาทไม่เกิน 50,000 บาท จึงต้องห้ามฎีกาในข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 248 จำเลยฎีกาว่าโจทก์เล่นแชร์กับจำเลยเพียง 2 หุ้นแรกเท่านั้น โจทก์มิได้ร่วมเล่นแชร์ 2 หุ้นหลังและจำเลยมิได้ค้างชำระเงินแก่โจทก์ เป็นการฎีกาในข้อเท็จจริงจึงต้องห้ามดังกล่าวศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย”
พิพากษาให้ยกฎีกาจำเลย

Share