คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2009/2531

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จ.เช่าซื้อรถยนต์ของกลางจากผู้ร้อง สัญญาเช่าซื้อข้อหนึ่งกำหนดไว้ว่า ถ้าทรัพย์สินที่เช่าซื้อถูกริบ ฯ ผู้เช่าซื้อยอมรับผิดฝ่ายเดียวและยอมชำระค่าเช่าซื้อตามสัญญาจนครบ ดังนี้ผู้ร้องมีเจตนาเพียงที่จะได้รับชำระเงินค่าเช่าซื้อตามสัญญาเท่านั้น เมื่อ จ. ชำระค่าเช่าซื้อที่ค้าง รถยนต์ของกลางก็ตกเป็นกรรมสิทธิ์ของ จ. และทางฝ่าย จ.เป็นผู้แจ้งให้ผู้ร้องทราบว่ารถถูกยึด จึงเห็นได้ว่าการร้องขอคืนของกลางของผู้ร้องเป็นการกระทำเพื่อประโยชน์ของ จ. ซึ่งเป็นผู้รู้เห็นยินยอมให้จำเลยใช้รถของกลางไปกระทำความผิด เข้าลักษณะที่ผู้ร้องรู้เห็นเป็นใจด้วยในการกระทำความผิด.(ที่มา-ส่งเสริมฯ)

ย่อยาว

กรณีนี้สืบเนื่องจากกรณีที่ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำเลยตามพระราชบัญญัติป่าไม้ พ.ศ. 2484 และให้ริบไม้กับรถยนต์บรรทุกของกลาง ผู้ร้องยื่นคำร้องว่า รถยนต์ของกลางเป็นกรรมสิทธิ์ของผู้ร้อง นายจำเนียร ธรรมจินดาเช่าซื้อไปผู้ร้องไม่ได้มีส่วนร่วมรู้เห็นเป็นใจในการกระทำความผิดของจำเลย ขอให้ศาลมีคำสั่งคืนรถยนต์ของกลางให้แก่ผู้ร้อง
โจทก์ยื่นคำร้องคัดค้านว่า ผู้ร้องไม่ใช่เจ้าของกรรมสิทธิ์รถยนต์ของกลาง จึงไม่มีสิทธิยื่นคำร้องขอคืน รถยนต์ตามหลักฐานทางทะเบียนที่ผู้ร้องอ้างมานั้น จะเป็นคันเดียวกับรถยนต์ของกลางคดีนี้หรือไม่ โจทก์ไม่รับรอง
ศาลชั้นต้นไต่สวนแล้ว มีคำสั่งให้ยกคำร้อง
ผู้ร้องอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับ ให้คืนรถยนต์ของกลางแก่ผู้ร้อง
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ‘…คงมีปัญหาที่ต้องพิจารณาตามฎีกาของโจทก์ต่อไปว่าผู้ร้องได้รู้เห็นเป็นใจในการกระทำผิดคดีนี้หรือไม่ คดีได้ความจากคำเบิกความของนายประภาส ชีวะโอสถ ผู้รับมอบอำนาจผู้ร้องว่า ผู้ร้องได้ให้นายจำเนียรเช่าซื้อรถยนต์ของกลางไป เมื่อนายจำเนียรผิดนัดไม่ชำระค่าเช่าซื้อ ผู้ร้องก็ยังพบกับนายจำเนียรอยู่ นายจำเนียรบอกว่ารถเอาไปใช้งานอยู่ในความดูแลของนายจำเนียร เมื่อไม่ปรากฏว่านายจำเนียรได้จำหน่ายจ่ายโอนรถยนต์คันนี้ให้ผู้อื่นหรือถูกคนร้ายลักไปข้อเท็จจริงจึงต้องฟังว่าขณะเกิดเหตุคดีนี้รถยนต์ของกลางยังอยู่ในความครอบครองของนายจำเนียรผู้เช่าซื้อ และโดยที่คดีได้ความจากคำเบิกความของร้อยตำรวจเอกสมคิด พูนประสิทธิ์ ผู้จับกุมจำเลยว่า รถยนต์ของกลางเป็นรถบรรทุกน้ำมัน แต่ตัวถังซึ่งเป็นถังน้ำมันถูกดัดแปลง โดยส่วนบนของตัวถังทำเป็นสองชั้น ในตัวถังไม่มีช่องกั้นน้ำมันเช่นรถบรรทุกน้ำมันทั่วไป ฝาน้ำมันตอนท้ายถูกเจาะไว้สำหรับใส่ไม้ เมื่อเต็มแล้วก็เชื่อมติดไว้อย่างเดิมแล้วใช้สีทาทับรอยเชื่อม เห็นว่า การดัดแปลงตัวถังรถดังกล่าวไม่ใช่เป็นเรื่องที่จะทำได้โดยง่าย นายจำเนียรผู้ครอบครองรถของกลางจึงต้องรู้เห็นและยินยอมในการดัดแปลงรถดังกล่าว เพื่อใช้สำหรับลักลอบขนไม้ผิดกฎหมายเมื่อคดีได้ความจากสัญญาเช่าซื้อตามเอกสารหมาย ร.3 ว่ารถยนต์ของกลางเป็นรถยนต์ที่นายจำเนียรเช่าซื้อจากผู้ร้องเมื่อวันที่ 7 เมษายน 2525 เป็นเงินค่าเช่าซื้อ 624,150 บาท ภายใน 30 เดือน คิดเป็นค่าเช่าซื้อเดือนละ 20,805 บาท และได้ความจากนายประภาสชีวะโอสถ ผู้รับมอบอำนาจผู้ร้องว่า นายจำเนียรชำระค่าเช่าซื้อให้ผู้ร้องไม่ตรงตามงวดรวมเป็นเงินที่ชำระทั้งสิ้น 400,000บาทเศษ แล้วไม่ชำระให้ผู้ร้องอีก แต่ก็ยังติดต่อกับผู้ร้องอยู่ ผู้ร้องมิได้บอกเลิกสัญญาหรือฟ้องเรียกเอารถยนต์คืนแต่อย่างใด จนกระทั่งนายประสิทธิ์ แซ่เล้า บิดาภริยานายจำเนียรโทรศัพท์แจ้งผู้ร้องว่า รถยนต์ของผู้ร้องถูกยึดในคดีนี้ผู้ร้องจึงมาดำเนินการขอรถยนต์ของกลางคืน เมื่อนำข้อเท็จจริงดังกล่าวมาพิจารณาประกอบกับหนังสือสัญญาเช่าซื้อตามเอกสารหมาย ร.3 ข้อ 6 ที่กำหนดว่า ถ้าทรัพย์สินที่เช่าซื้อถูกริบฯผู้เช่าซื้อยอมรับผิดฝ่ายเดียวและยอมชำระค่าเช่าซื้อตามสัญญาจนครบแล้ว ศาลฎีกาเห็นว่าผู้ร้องมีเจตนาเพียงที่จะได้รับชำระเงินค่าเช่าซื้อตามสัญญาเท่านั้น เมื่อนายจำเนียรชำระค่าเช่าซื้อที่ค้างอีกประมาณ 200,000 บาท ให้แก่ผู้ร้องตามสัญญาเช่าซื้อข้อ 6 ดังกล่าวมาแล้ว รถยนต์ของกลางก็จะตกเป็นกรรมสิทธิ์ของนายจำเนียร ประกอบกับเหตุที่จะมีการร้องขอคืนของกลางคดีนี้ก็ได้ความว่า ทางฝ่ายนายจำเนียรเป็นผู้แจ้งเรื่องที่รถยนต์ของกลางถูกเจ้าพนักงานยึดไว้ให้ผู้ร้องทราบจึงเป็นที่เห็นได้ว่าการร้องขอคืนรถยนต์ของกลางของผู้ร้องเป็นการกระทำเพื่อประโยชน์ของนายจำเนียรซึ่งเป็นผู้ที่รู้เห็นยินยอมให้ใช้รถยนต์ของกลางไปกระทำความผิดต่อพระราชบัญญัติป่าไม้ดังได้วินิจฉัยไว้ข้างต้น เข้าลักษณะเป็นการที่ผู้ร้องรู้เห็นเป็นใจด้วยในการกระทำความผิดคดีนี้ผู้ร้องจึงหามีสิทธิที่จะขอให้ศาลสั่งคืนรถยนต์ของกลางไม่ ที่ศาลอุทธรณ์พิพากษาให้คืนรถยนต์ของกลางแก่ผู้ร้องนั้นศาลฎีกาไม่เห็นพ้องด้วย ฎีกาของโจทก์ฟังขึ้น’
พิพากษากลับ ให้ยกคำร้องของผู้ร้องตามคำสั่งศาลชั้นต้น.

Share