คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1867/2531

แหล่งที่มา : 1

ย่อสั้น

การที่จำเลยกับพวกร่วมกันทำร้ายพวกผู้เสียหาย โดยมีเจตนาทำร้ายพวกผู้เสียหายทุกคน ไม่ได้แบ่งแยกว่าเป็นใคร ลักษณะของเจตนาในการกระทำความผิดเป็นอันเดียว แม้จะมีการกระทำหลายหนและต่อหลายบุคคล ก็อยู่ภายในเจตนาอันนั้น การกระทำของจำเลยจึงเป็นความผิดกรรมเดียว.

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยกับพวกร่วมกันกระทำผิดต่อกฎหมายหลายกรรมต่างกัน คือร่วมกันทำร้ายผู้เสียหายทั้งห้าโดยไม่มีเจตนาฆ่าเป็นเหตุให้ผู้เสียหายที่ 1 ถึงแก่ความตาย ผู้เสียหายที่ 2 ได้รับอันตรายสาหัสและผู้เสียหายอื่นได้รับอันตรายแก่กายขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 290, 295, 297, 83, 91 พระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา (ฉบับที่ 6) พ.ศ. 2526 มาตรา 4
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา290, 295, 297, 83, 90 ลงโทษตามมาตรา 290 วรรคหนึ่ง ซึ่งเป็นบทที่มีโทษหนักที่สุด จำคุก 4 ปี คำขออื่นให้ยก
โจทก์อุทธรณ์ขอให้เรียงกระทงลงโทษ
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาฟังข้อเท็จจริงตามที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยมาว่า พวกจำเลยกับพวกผู้เสียหายต่างนั่งรับประทานอาหารอยู่ฝ่ายละโต๊ะในร้านเดียวกัน พวกจำเลยร่วมกันทำร้ายพวกผู้เสียหายโดยไม่มีสาเหตุโกรธเคืองมาก่อนเป็นพิเศษ แล้ววินิจฉัยว่าตามข้อเท็จจริงดังกล่าวเป็นลักษณะของการยกพวกไปทำร้ายอีกฝ่ายหนึ่งที่ไม่ชอบกันเจตนาของพวกจำเลยต้องการทำร้ายพวกผู้เสียหายทุกคน ไม่ได้แบ่งแยกว่าเป็นใครลักษณะของเจตนาในการกระทำความผิดเป็นอันเดียว แม้จะมีการกระทำหลายหนและต่อหลายบุคคล ก็อยู่ภายในเจตนาอันนั้น จึงถือว่าเป็นความผิดกรรมเดียว
พิพากษายืน.

Share