คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1496/2531

แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา

ย่อสั้น

โจทก์บรรยายฟ้องถึงการกระทำความผิดของจำเลยต่างกรรมต่างวาระ รวม 63 กรรม จำเลยรับสารภาพตามฟ้อง ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำเลย เพียง 62 กรรม โดยไม่ปรากฏว่าได้ยกฟ้องจึงไม่ถูกต้องแม้อุทธรณ์ โจทก์จะมิได้ระบุมาว่า ศาลชั้นต้นลงโทษกรรมใด และมิได้ลงโทษ กรรมใดมาให้ชัดแจ้ง แต่ก็เป็นที่เห็นได้ว่าขอให้ลงโทษในกรรม ที่ขาดไป ซึ่งเห็นได้ว่าศาลชั้นต้นมิได้ลงโทษในกรรมสุดท้ายเพราะนับขาดไปอุทธรณ์ โจทก์จึงสมบูรณ์ ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษปรับจำเลยโดยไม่แยกว่า การกระทำกรรมใดเป็นความผิดตามมาตราใดให้ชัดเจน ศาลฎีกาแก้ไขให้ถูกต้องได้ ส่วนกรณีที่ศาลชั้นต้นลงโทษต่ำกว่าอัตราขั้นต่ำที่กฎหมายกำหนดแต่โจทก์มิได้ฎีกา ศาลฎีกาไม่อาจแก้ไขให้เป็นอย่างอื่นได้ เพราะจะเป็นการพิพากษาเกินคำขอในฟ้องฎีกาของโจทก์

ย่อยาว

โจทก์บรรยายฟ้องถึงการกระทำความผิดของจำเลย ต่างกรรมต่างวาระกันร่วม 63 กรรม ขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลรัษฎากร มาตรา 37, 37 ทวิประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83, 91 จำเลยทั้งสองให้การรับสารภาพศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยทั้งสองมีความผิดหลายกรรมต่างกัน ให้ลงโทษเรียงกระทง ปรับกระทงละคนละ 1,000 บาท รวม 62 กระทง ปรับ62,000 บาท ลดโทษให้กึ่งหนึ่ง ปรับคนละ 31,000 บาท โจทก์อุทธรณ์ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน โจทก์ฎีกาว่าอุทธรณ์โจทก์ชอบด้วยกฎหมายแล้วขอให้ลงโทษจำเลยทั้งสองอีก 1 กรรม
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ฟ้องโจทก์ได้บรรยายการกระทำความผิดของจำเลยทั้งสองต่างกรรมต่างวาระมารวม 63 กรรม เมื่อจำเลยทั้งสองให้การรับสารภาพตามฟ้อง ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำเลยทั้งสองเพียง62 กรรม ขาดไป 1 กรรม โดยไม่ปรากฏว่าได้ยกฟ้อง จึงไม่ถูกต้องแม้อุทธรณ์โจทก์จะมิได้ระบุว่า ศาลชั้นต้นลงโทษกรรมใดและมิได้ลงโทษกรรมใดมาให้ชัดแจ้ง แต่ก็เป็นที่เห็นได้ว่า ขอให้ลงโทษในกรรมที่ขาดไปซึ่งตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นก็เห็นได้ว่าศาลชั้นต้นมิได้ลงโทษในกรรมสุดท้ายคือ กรรมที่ 63 โดยศาลชั้นต้นนับขาดไป อุทธรณ์โจทก์ข้อนี้จึงสมบูรณ์ศาลอุทธรณ์ไม่รับวินิจฉัยให้ ยังไม่ต้องด้วยความเห็นของศาลฎีกา ฎีกาของโจทก์ในข้อนี้เป็นปัญหาข้อกฎหมายเห็นสมควรพิพากษาไปเลยโดยไม่ต้องย้อนสำนวนไปให้ศาลอุทธรณ์พิพากษา ใหม่ และเห็นอีกว่า ศาลชั้นต้นพิพากษาปรับลงโทษจำเลยทั้งสองโดยไม่แยกว่า การกระทำกรรมใดเป็นความผิดตามมาตราใดให้ชัดเจนนั้นยังไม่ถูกต้อง จึงสมควรแก้ไขเสียให้ถูกต้องด้วย ส่วนกำหนดโทษในความผิดตามมาตรา 37 ซึ่งศาลชั้นต้นลงโทษต่ำกว่าอัตราขั้นต่ำที่กฎหมายกำหนด แต่โจทก์มิได้ฎีกา ศาลฎีกาจึงไม่อาจแก้ไขให้เป็นอย่างอื่นได้เพราะจะเป็นการพิพากษาเกินคำขอในฟ้องฎีกาของโจทก์”
พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยทั้งสองมีความผิดตามประมวลรัษฎากรมาตรา 37 ซึ่งแก้ไขใหม่แล้ว ตามฟ้องข้อ (1.1) ถึง (1.12) (2.1)ถึง (2.12) (3.1) ถึง (3.9) (4.1) ถึง (4.12) (5.1) ถึง (5.12)(6) (7) รวม 59 กรรม และตามมาตรา 37 ทวิ ซึ่งแก้ไขใหม่แล้ว ตามฟ้องข้อ (4.13) (5.13) (8) (9) อีก 4 กรรม รวมทั้งสิ้น 63 กรรมความผิดกรรมที่ 63 ตามฟ้องข้อ (9) ให้ปรับคนละ 1,000 บาท ลดโทษให้ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 กึ่งหนึ่ง คงปรับคนละ 500 บาทรวมกับโทษที่ปรับไว้แล้ว 62 กรรม เป็นปรับทั้งสิ้นคนละ 31,500 บาทนอกจากที่แก้คงให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์

Share