แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา
ย่อสั้น
จำเลยจ้างโจทก์ก่อสร้างตึกแถว 2 ชั้น จำนวน 4 คูหา โดยโจทก์จำเลยตกลงกันให้ชั้นลอยมีความยาวห้องละ 8 เมตรกำหนดค่าจ้างงานงวดที่ 2 คือหล่อเสาและเทพื้นชั้นลอยเป็นเงิน120,000 บาท เมื่อได้เลิกสัญญากัน เพราะโจทก์เป็นฝ่ายผิดสัญญาส่วนการงานอันโจทก์ได้กระทำให้โจทก์มีสิทธิได้รับชดใช้คืนแต่งานงวดที่ 2 ดังกล่าวโจทก์จำเลยมีหลักการคิดค่าจ้างแตกต่างกันคือ โจทก์คิดค่าจ้างหล่อเสาและเทพื้นชั้นลอยมีความยาวเพียงห้องละ 5 เมตร แต่จำเลยคิดค่าจ้างหล่อเสาและเทพื้นชั้นลอยมีความยาวห้องละ 8 เมตร ดังนั้นการคิดราคาชั้นลอยที่โจทก์ได้กระทำไปจึงไม่อาจกระทำได้ ต้องคิดค่าชั้นลอยที่โจทก์ก่อสร้างขาดไปนั้นเป็นเงินเท่าใดแล้วนำไปหักออกจากเงินค่าจ้างงานงวดที่ 2 จำนวน 120,000 บาทเหลือเท่าใดจึงจะเป็นค่าจ้างสำหรับงานที่ได้กระทำไปแล้วในงวดนั้น
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยได้ทำสัญญาจ้างโจทก์ก่อสร้างตึก 2 ชั้นจำนวน 4 คูหา เป็นเงินค่าจ้าง 880,000 บาท โดยโจทก์เป็นผู้จัดหาสิ่งของอุปกรณ์ในการก่อสร้าง ช่าง และคนงาน ตกลงจ่ายค่าจ้างเป็นงวดโจทก์ได้ลงมือก่อสร้างจนกระทั่งหล่อเสา เทพื้นชั้นลอยเสร็จและได้ก่ออิฐไปบางส่วน ซึ่งตามสัญญาจำเลยจะจ่ายค่าจ้างงวดที่ 2เป็นเงิน 120,000 บาท แต่จำเลยปฏิเสธไม่ยอมจ่าย ทำให้โจทก์ได้รับความเสียหาย ขอให้ศาลพิพากษาให้จำเลยใช้เงิน 152,000 บาทพร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี นับแต่วันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จจำเลยให้การว่า เหตุที่ไม่จ่ายค่าจ้างให้โจทก์ เพราะโจทก์ก่อสร้างตามรายการงวดที่ 2 ไม่แล้วเสร็จตามสัญญา กล่าวคือ โจทก์ตกลงว่าจะเป็นผู้จัดทำแบบแปลน และชั้นลอยซึ่งจะต้องมีความยาว 8 เมตรแต่ตามแบบแปลนที่โจทก์ทำมานั้นชั้นลอยมีความยาวเพียง 5 เมตรจำเลยให้โจทก์ทำแบบแปลนใหม่ โจทก์ก็รับว่าจะแก้ไขในแบบแปลนให้ถูกต้องงานงวดที่ 2 โจทก์ทำไม่เสร็จตามสัญญา จำเลยจึงไม่จ่ายค่าจ้างให้โจทก์ โจทก์มิได้บอกเลิกสัญญาจึงเรียกค่าเสียหายไม่ได้ โจทก์จะเรียกค่าเสียหายตามงวดค่าจ้างไม่ได้ ขอให้ยกฟ้อง ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยใช้เงินโจทก์ 41,240 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5ต่อปี นับแต่วันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จ จำเลยอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “พิเคราะห์แล้ว สำหรับปัญหาที่ว่าฝ่ายใดเป็นฝ่ายผิดสัญญานั้น เมื่อโจทก์มิได้อุทธรณ์ฎีกาในปัญหาข้อนี้จึงต้องฟังว่า โจทก์เป็นฝ่ายผิดสัญญาดังข้อวินิจฉัยของศาลอุทธรณ์ปัญหาวินิจฉัยมีว่าโจทก์มีสิทธิที่จะเรียกเงินค่าจ้างสำหรับงานที่ทำไปแล้วในงวดที่ 2 ได้หรือไม่เพียงไร
สำหรับปัญหาดังกล่าวเห็นว่า ส่วนการงานอันโจทก์ได้กระทำให้นั้น โจทก์ย่อมมีสิทธิได้รับการชดใช้คืน แต่การที่จะคิดราคาสำหรับชั้นลอยที่โจทก์ได้กระทำไปไม่อาจจะกระทำได้ เพราะตามสัญญาโจทก์จำเลยตกลงชำระราคาสำหรับงานงวดที่ 2 ซึ่งได้แก่การหล่อเสาและการเทพื้นชั้นลอยรวมกันเป็นเงิน 120,000 บาทนั้น ทั้งสองฝ่ายมีหลักการคิดแตกต่างกัน ดังนั้นจึงต้องคิดว่าสำหรับชั้นลอยที่โจทก์ก่อสร้างขาดไปนั้นเป็นเงินเท่าไร แล้วจึงนำไปหักจากจำนวนค่าจ้างสำหรับงานงวดที่ 2
ชั้นลอยที่โจทก์ก่อสร้างขาดไปปรากฏจากคำเบิกความของโจทก์ว่าการสร้างชั้นลอยมีความยาวเพิ่มขึ้นเป็น 8 เมตร แต่ละห้องจะคิดเป็นเนื้อที่ห้องละ 14 ตารางเมตร 4 ห้องจะเป็นเนื้อที่ 56ตารางเมตรราคาตารางเมตรละ 1,000 บาท จึงคิดเป็นเงินค่าชั้นลอยที่โจทก์สร้างขาดไปเป็นเงิน 56,000 บาท เมื่อนำเงินจำนวนนี้และเงินมัดจำ 40,000 บาท ซึ่งถือได้ว่าเป็นส่วนหนึ่งของค่าจ้างดังที่ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ได้วินิจฉัยไว้ ไปหักกับค่าจ้างงวดที่ 2จำนวน 120,000 บาท ออกแล้วจะเหลือเงินที่จำเลยจะต้องชำระให้แก่โจทก์ 24,000 บาท และสำหรับเงินค่าก่ออิฐสำหรับงานงวดที่ 3จำนวน 5,000 บาท ตามที่ศาลชั้นต้นคิดให้นั้น ศาลฎีกาเห็นว่าค่าก่อสร้างสำหรับงานงวดที่ 3 โจทก์มิได้เรียกร้องมาในฟ้องจึงจะนำมาคิดให้ไม่ได้”
พิพากษาแก้เป็นว่า ให้จำเลยชดใช้ค่าก่อสร้างสำหรับงานงวดที่ 2แก่โจทก์เป็นเงิน 24,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยร้อยละ 7.5 ต่อปีนับแต่วันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จ นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์