คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1241/2531

แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา

ย่อสั้น

จำเลยเป็นผู้จัดการมรดก ศาลอุทธรณ์พิพากษาให้จำเลยแบ่งมรดกให้โจทก์ร่วม 1 ใน 6 ส่วน คดียังอยู่ในระหว่างการพิจารณาของ ศาลฎีกาจำเลยขายที่ดินมรดกไปเพราะการรังวัดแบ่งแยกที่ดินระหว่าง ทายาทไม่สามารถแบ่งกันได้ โจทก์ร่วมขอแบ่งเงินที่ได้จากการขาย จำเลยไม่ให้อ้างว่ารอให้คดีถึงที่สุดก่อน จำเลยนำเงินจากการขาย ที่ดินไปรับจำนองที่ดินอื่นเพื่อหารายได้ให้แก่กองมรดก ทั้งที่ดิน ที่จำนองมีราคาสูงกว่าจำนวนเงินที่จำนอง จำเลยกระทำไปในนามของ ผู้จัดการมรดกโดยความเห็นชอบของทายาทอื่นและไม่ปรากฏว่ากระทำไป โดยทุจริต การกระทำของจำเลยจึงไม่เป็นความผิดฐานโกงเจ้าหนี้ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 350

ย่อยาว

ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 350 จำคุก 1 ปี จำเลยอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับให้ยกฟ้องโจทก์ โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ข้อเท็จจริงที่คู่ความนำสืบรับกันฟังได้ว่าจำเลยเป็นผู้จัดการมรดกของนายพิศ อ่วมบุญช่วย ตามคำสั่งของศาลแพ่ง นายผ่อง อ่วมบุญช่วย เป็นพี่ชายร่วมบิดามารดาเดียวกันกับนายพิศ นายผ่อง มีภริยาคือนางล้อมไม่มีบุตรด้วยกันได้ขอโจทก์ร่วมมาเลี้ยงเป็นบุตรแต่ไม่ได้จดทะเบียนรับเป็นบุตรบุญธรรมนายผ่อง นางล้อมตายภายหลังจากที่นายพิศเจ้ามรดกตายโจทก์ร่วมอ้างว่าเป็นทายาทผู้รับมรดกตามพินัยกรรมของนางล้อมซึ่งมีสิทธิรับมรดกของนายพิศแทนที่นายผ่อง แต่จำเลยซึ่งเป็นผู้จัดการมรดกนายพิศไม่ยอมแบ่งมรดกของนายพิศให้โจทก์ร่วมโจทก์ร่วมจึงฟ้องจำเลยต่อศาลแพ่ง ศาลแพ่งพิพากษายกฟ้อง แต่ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับ ให้จำเลยในฐานะผู้จัดการมรดกแบ่งมรดกของนายพิศให้โจทก์ร่วม 1 ใน 6 ส่วน คดีอยู่ในระหว่างการพิจารณาของศาลฎีกา จำเลยได้ขายที่ดินมรดกของนายพิศให้ผู้มีชื่อในราคา 4 ล้าน โจทก์ร่วมขอแบ่งเงินค่าขายที่ดิน 1 ใน 6 ส่วนจำเลยไม่ยอมแบ่งให้ จำเลยได้นำเงินดังกล่าวไปรับจำนองที่ดินของผู้อื่น โจทก์ร่วมจึงแจ้งความร้องทุกข์ให้เจ้าพนักงานตำรวจดำเนินคดีแก่จำเลยเป็นคดีนี้ในข้อหาโกงเจ้าหนี้ คดีมีปัญหาที่จะต้องวินิจฉัยว่า จำเลยมีความผิดตามฟ้องหรือไม่ เห็นว่า การที่จำเลยไม่ยอมแบ่งมรดกของนายพิศให้โจทก์ร่วมนั้น จำเลยมีข้ออ้างว่ารอให้คดีถึงที่สุดเสียก่อน ถ้าศาลฎีกาพิพากษาให้โจทก์ร่วมได้รับส่วนแบ่งจำเลยก็ยินยอมแบ่งให้ ส่วนที่จำเลยต้องขายที่ดินมรดกของนายพิศให้ผู้อื่นไปนั้น เป็นเพราะการรังวัดแบ่งแยกที่ดินระหว่างทายาทไม่สามารถแบ่งกันได้ เนื่องจากที่ดินติดถนนไม่เท่ากันจำเลยจึงจัดการขายที่ดินมรดกเพื่อนำเงินมาแบ่งระหว่างทายาทโดยนำเงินไปฝากธนาคารไว้เพื่อรอฟังผลคำพิพากษาของศาลฎีกา การที่จำเลยนำเงินที่ขายที่ดินมรดกไปรับจำนองที่ดินจากผู้มีชื่อก็เพื่อหารายได้ให้แก่กองมรดกเพราะได้ดอกเบี้ยจากการรับจำนอง ทั้งที่ดินที่รับจำนองนั้นมีราคาจริงถึง 20 ล้านบาท แต่จำเลยรับจำนองไว้เพียง 4 ล้านบาทเท่านั้นการที่จำเลยกระทำการต่าง ๆ ดังกล่าวไปแล้วทำไปในนามของผู้จัดการมรดกและด้วยความเห็นชอบของทายาท ไม่ปรากฏว่าจำเลยได้กระทำไปโดยทุจริต ดังนี้ การกระทำของจำเลยยังถือไม่ได้ว่าเป็นการซ่อนเร้นหรือโอนไปให้แก่ผู้อื่นซึ่งทรัพย์มรดกส่วนของโจทก์ร่วม เพื่อมิให้โจทก์ร่วมซึ่งได้ใช้สิทธิเรียกร้องทางศาลให้ชำระหนี้ไม่ได้รับชำระหนี้ทั้งหมดหรือแต่บางส่วนแต่อย่างใด จำเลยจึงไม่มีความผิดตามที่โจทก์ฟ้อง ศาลอุทธรณ์พิพากษายกฟ้องโจทก์ชอบแล้ว ฎีกาของโจทก์ฟังไม่ขึ้น”
พิพากษายืน

Share