คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1188/2531

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยที่ 4 ฉีดเฮโรอีนให้ ป. ผู้เสียหายโดยมุ่งหมายให้เกิดอาการมึนงงเพื่อความสะดวกที่จะให้จำเลยที่ 1 ถึงที่ 3ปลดทรัพย์จากผู้เสียหายโดยผู้เสียหายหมดโอกาสจะขัดขืน และจำเลยที่ 4 มุ่งจะได้รับเงินส่วนแบ่งที่ขายทรัพย์ดังกล่าวด้วย การกระทำของจำเลยที่ 4 จึงเป็นการร่วมในการกระทำความผิดฐานปล้นทรัพย์โดยแบ่งหน้าที่กันทำ.

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยทั้งหกตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 340352 วรรคสอง, 83 ประกาศของคณะปฏิวัติฉบับที่ 11 ลงวันที่ 14พฤศจิกายน 2514 ข้อ 14
จำเลยทั้งหกให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยที่ 1 ที่ 2 และที่ 3 มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 340 ให้จำคุกคนละ 12 ปีจำเลยที่ 5 มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 347 ให้จำคุก 4 ปีคำให้การชั้นสอบสวนของจำเลยที่ 1 ที่ 2 ที่ 3 และที่ 5 เป็นประโยชน์แก่การพิจารณามีเหตุบรรเทาโทษจึงลดโทษให้คนละหนึ่งในสามตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 78 คงจำคุกจำเลยที่ 1 ที่ 2 และที่ 3 คนละ8 ปีจำคุกจำเลยที่ 5 ไว้ 2 ปี 8 เดือนบวกโทษของจำเลยที่ 5 ตามคดีอาญาหมายเลขแดงที่ 10008/2527 ของศาลแขวงพระนครเหนืออีก 15 วันเป็นจำคุกจำเลยที่ 5 ไว้ 2 ปี 8 เดือน 15 วันสำหรับจำเลยที่ 4และที่ 6 นั้นให้ยกฟ้อง
โจทก์และจำเลยที่ 5 อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่าจำเลยที่ 4 ที่ 5 มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 340 ให้จำคุกคนละ 12 ปีคำให้การชั้นสอบสวนของจำเลยที่ 4 ที่ 5 เป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษลดโทษให้คนละหนึ่งในสามคงจำคุกคนละ 8 ปีบวกโทษจำเลยที่ 4 ที่5 ที่รอไว้อีก 1 ปี 15 วันตามลำดับเป็นจำคุกจำเลยที่ 4 ไว้ 9 ปีจำเลยที่ 5 ไว้ 8 ปี 15 วันนอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
จำเลยที่ 4 ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ‘ได้ความจากผู้เสียหายว่าในวันเกิดเหตุเมื่อพบจำเลยที่ 4 ที่ 5 แล้วจำเลยทั้งสองนี้รับว่าจะสอบถามเรื่องกระเป๋าสตางค์ให้จำเลยที่ 4 ชวนพยานขึ้นไปบนบ้านหลังหนึ่ง แล้วชวนพยานเสพเฮโรอีน พยานว่าไม่มีเงิน จำเลยที่4 ว่าติดไว้ก่อนวันหลังค่อยจ่ายก็ได้ แล้วจำเลยที่ 4 ลงไปชั้นล่างนำเข็มฉีดยาซึ่งมียาผสมน้ำมาฉีดให้พยาน ประมาณ 10 นาทีต่อมาพยานรู้สึกง่วงนอนจำเลยที่ 4 ลงจากบ้านไปหลังจากนั้นชาย3 คนคือจำเลยที่ 1 ที่ 2 และที่ 3 ขึ้นมาจำเลยที่ 1 กระชากสร้อยคอทองคำพร้อมพระเลี่ยมทองของพยานแล้วพากันหลบหนีไป ได้ความจากพันตำรวจตรีปานศิริ ประภาวัตพนักงานสอบสวนว่าชั้นสอบสวนจำเลยที่ 4 รับว่าก่อนปล้นทรัพย์จำเลยที่ 4 ได้นำผู้เสียหายไปที่บ้านไม่มีเลขที่และฉีดยาเสพติดให้แล้วลงไปบอกจำเลยที่1 ถึงที่ 3 ว่าผู้เสียหายกำลังจะน็อคซึ่งหมายถึงกำลังสะลึมสะลือหลังจากนั้นจำเลยที่ 1 ถึงที่ 3 ก็ขึ้นไปกระชากสร้อยคอผู้เสียหายตามบันทึกคำให้การชั้นสอบสวนของจำเลยที่ 1 เอกสารหมายจ.17 มีข้อความตอนหนึ่งว่าจำเลยที่ 4 เคยชวนคนแปลกหน้าไปเสพยาเสพติดที่บ้านเกิดเหตุจำเลยที่ 4 จะฉีดเฮโรอีนเป็นจำนวนมากเพราะต้องการให้คนแปลกหน้าน็อคไปแล้วจะเรียกให้จำเลยที่1 กับพวกไปปลดทรัพย์ในกรณีของผู้เสียหายนี้ก็เช่นกันจำเลยที่ 4 จะไปรอรับเงินส่วนแบ่งจากการขายทรัพย์ที่ได้ไปจากผู้เสียหายด้วยโดยจำเลยที่ 1 ตั้งใจจะแบ่งเงินให้ 300 บาทจำเลยที่ 4 เคยทวงแต่จำเลยที่ 1 ขอผัดผ่อนไปเพราะจำเลยที่ 1ใช้เงินหมดแล้วเห็นว่าจำเลยที่ 4 กับผู้เสียหายไม่รู้จักกันมาก่อน เมื่อผู้เสียหายไม่มีเงินจำเลยที่ 4 ไม่น่าจะฉีดเฮโรอีนให้ก่อน เพราะเฮโรอีนราคาแพงฉีดให้แล้วไม่แน่ว่าจะได้ค่ายาเสพติดคืนหรือไม่ รูปคดีฟังได้ว่าที่จำเลยที่ 4 ฉีดเฮโรอีนให้ผู้เสียหายก็โดยมุ่งหมายให้เกิดอาการมีนงงเพื่อความสะดวกที่จะให้จำเลยที่ 1 ถึงที่ 3 ปลดทรัพย์จากผู้เสียหายโดยผู้เสียหายหมดโอกาสจะขัดขืนและจำเลยที่ 4 มุ่งจะได้รับเงินส่วนแบ่งที่ขายทรัพย์ดังกล่าวด้วยพฤติการณ์ของจำเลยที่ 4 จึงเป็นการร่วมในการกระทำผิดโดยแบ่งหน้าที่กันทำการปล้นทรัพย์ที่ศาลอุทธรณ์พิพากษามานั้นชอบแล้วฎีกาของจำเลยที่ 4 ฟังไม่ขึ้น แต่ที่ศาลล่างทั้งสองพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 340 โดยมิได้ระบุวรรคนั้นยังไม่ถูกต้องเห็นสมควรระบุเสียให้ถูกต้อง
พิพากษาแก้เป็นว่าจำเลยที่ 1 ถึงที่ 5 มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 340 วรรคแรกนอกจากที่แก้คงให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์’.

Share