แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา
ย่อสั้น
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งอายัดเงินซึ่งจำเลยมีสิทธิได้รับจากบุคคลภายนอกเป็นการชั่วคราวก่อนมีคำพิพากษา และได้มีการส่งเงินมาให้ศาลตามหมายอายัดแล้ว ภายหลังเมื่อศาลพิพากษาให้โจทก์ชนะคดี คำสั่งของศาลที่อายัดเงินชั่วคราวก่อนมีคำพิพากษายังคงมีผลต่อไป ทั้งโจทก์ได้ดำเนินการขอออกคำบังคับและขอหมายบังคับคดีแก่จำเลยแล้วโดยชอบ โจทก์จึงไม่จำต้องดำเนินการขออายัดเงินดังกล่าวในชั้นบังคับคดีซ้ำอีก ถือว่าเจ้าพนักงานบังคับคดีได้อายัดทรัพย์สินของจำเลยซึ่งเป็นลูกหนี้ตามคำพิพากษาไว้แทนโจทก์ตามความหมายของประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 290 แล้วดังนั้น ผู้ร้องซึ่งเป็นเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาของจำเลยอีกคดีหนึ่งและไม่สามารถเอาชำระหนี้จากทรัพย์สินอื่น ๆ ของจำเลยจึงมีสิทธิขอเฉลี่ยหนี้ในคดีนี้ได้
ย่อยาว
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยทั้งสองชำระเงิน 200,000 บาทพร้อมดอกเบี้ยแก่โจทก์ ก่อนศาลชั้นต้นมีคำพิพากษา โจทก์ขออายัดชั่วคราวสิทธิเรียกร้องของจำเลยทั้งสองลูกหนี้ได้ส่งเงินมาตามหมายอายัดชั่วคราวแล้วโจทก์กำลังบังคับชำระหนี้อยู่ ผู้ร้องยื่นคำร้องขอเฉลี่ยโดยอ้างว่าเป็นเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาของจำเลยทั้งสองเป็นจำนวน 923,500 บาท พร้อมดอกเบี้ย และจำเลยทั้งสองไม่มีทรัพย์สินอื่นใดที่ชำระหนี้ โจทก์คัดค้านว่าหนี้ของผู้ร้องเป็นหนี้สมยอมกับจำเลยทั้งสอง จำเลยมีทรัพย์สินอื่นอีกที่ผู้ร้องจะบังคับชำระหนี้ได้และผู้ร้องไม่มีสิทธิขอเฉลี่ย เพราะเป็นเพียงการอายัดชั่วคราวก่อนศาลพิพากษาเท่านั้น ศาลชั้นต้นไต่สวนแล้ว มีคำสั่งอนุญาตให้ผู้ร้องเข้าเฉลี่ยทรัพย์ได้ โจทก์อุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ข้อเท็จจริงเบื้องต้นฟังได้ว่า ในคดีนี้โจทก์ยื่นคำร้องขออายัดเงินค่าก่อสร้างงวดที่ 3 ที่จำเลยมีสิทธิได้รับจากวิทยาลัยเทคโนโลยีและอาชีวศึกษา เท่าจำนวนหนี้200,616 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี ในต้นเงิน200,000 บาท ในวันเดียวกัน ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้อายัดเงินจำนวน200,616 บาท จากวิทยาลัยเทคโนโลยีและอาชีวศึกษา ซึ่งจำเลยทั้งสองมีสิทธิได้รับเงินค่าก่อสร้างอาคารวิทยาลัยเป็นการชั่วคราวก่อนมีคำพิพากษา ต่อมาวันที่ 24 พฤษภาคม 2528 วิทยาลัยดังกล่าวได้ส่งเงินตามเช็คธนาคารแห่งประเทศไทย จำนวนเงิน 200,616 บาทมาที่ศาลชั้นต้นตามหมายอายัดแล้ว วันที่ 17 สิงหาคม 2528 ศาลชั้นต้นมีคำพิพากษาโดยจำเลยทั้งสองขาดนัดยื่นคำให้การและขาดนัดพิจารณาให้จำเลยทั้งสองร่วมกันชำระเงิน 200,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยวันที่ 22 สิงหาคม 2528 โจทก์ขอให้ศาลออกคำบังคับ ศาลชั้นต้นออกคำบังคับลงวันที่ 3 กันยายน 2528 และปิดคำบังคับที่ภูมิลำเนาจำเลยทั้งสองเมื่อวันที่ 11 กันยายน 2528 ซึ่งจะมีผลให้จำเลยต้องปฏิบัติตามคำบังคับภายใน 1 เดือน นับแต่วันที่ 27 กันยายน 2528 คดีมีปัญหาเฉพาะในข้อกฎหมายว่า ผู้ร้องซึ่งเป็นเจ้าหนี้จำเลยทั้งสองตามคำพิพากษาในคดีแพ่งหมายเลขแดงที่ 16759/2528 ของศาลชั้นต้นอีกคดีจะมีสิทธิร้องขอเฉลี่ยหนี้จากโจทก์ในคดีนี้หรือไม่ พิเคราะห์ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 260 บัญญัติใจความว่า”ถ้าในคำพิพากษาหรือคำสั่งชี้ขาดตัดสินคดี มิได้กล่าวไว้ซึ่งวิธีการชั่วคราวที่ศาลได้สั่งไว้ในระหว่างการพิจารณา … (2) ถ้าคดีนั้นศาลตัดสินให้โจทก์ชนะ คำสั่งนั้นคงมีผลต่อไปจนกว่าจะได้ปฏิบัติตามคำพิพากษาหรือคำสั่งนั้นเท่าที่จำเป็นเพื่อบังคับตามคำพิพากษาหรือคำสั่งนั้น แต่ถ้าโจทก์มิได้ขอหมายบังคับคดีภายในกำหนดสิบห้าวันนับตั้งแต่วันสิ้นระยะเวลาที่กำหนดไว้ในคำบังคับ เพื่อให้ปฏิบัติตามคำพิพากษาหรือคำสั่ง ให้ถือว่าคำสั่งนั้นเป็นอันยกเลิกเมื่อสิ้นระยะเวลาเช่นว่านั้น” แสดงว่าคำสั่งของศาลชั้นต้นที่อายัดเงินค่าก่อสร้างซึ่งจำเลยมีสิทธิได้รับจากวิทยาลัยเทคโนโลยีและอาชีวศึกษาชั่วคราวก่อนคำพิพากษายังมีผลต่อไปหลังจากที่ศาลชั้นต้นมีคำพิพากษาเมื่อวันที่ 17 สิงหาคม 2528 ทั้งโจทก์ได้ดำเนินการขอออกคำบังคับและขอหมายบังคับคดีแก่จำเลยแล้วโดยชอบตามความในมาตรา 260(2)โจทก์ไม่จำต้องดำเนินการขออายัดเงินดังกล่าวในชั้นบังคับคดีซ้ำอีกมีผลเท่ากับเจ้าพนักงานบังคับคดีได้อายัดทรัพย์สินของจำเลยซึ่งเป็นลูกหนี้ตามคำพิพากษาไว้แทนโจทก์ซึ่งเป็นเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาตามความหมายของประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา290 แล้ว ผู้ร้องซึ่งเป็นเจ้าหนี้จำเลยตามคำพิพากษาคดีแพ่งหมายเลขแดงที่ 16759/2528 และไม่สามารถเอาชำระหนี้ได้จากทรัพย์สินอื่น ๆ ของลูกหนี้ตามคำพิพากษา จึงมีสิทธิเฉลี่ยหนี้ได้ศาลอุทธรณ์พิพากษาให้ผู้ร้องมีสิทธิขอเฉลี่ยเงินค่าก่อสร้างวิทยาลัยเทคโนโลยีและอาชีวศึกษาตามคำร้อง ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วยฎีกาโจทก์ฟังไม่ขึ้น”
พิพากษายืน