คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 794/2531

แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา

ย่อสั้น

ศาลแรงงานกลางพิพากษาว่านายจ้างเลิกจ้างโจทก์อันเป็นการกระทำอันไม่เป็นธรรมให้นายจ้างรับโจทก์กลับเข้าทำงาน และจ่ายค่าเสียหายให้โจทก์วันละ 70 บาท นับแต่วันเลิกจ้างจนถึง วันรับโจทก์กลับเข้าทำงาน การกำหนดค่าเสียหายดังกล่าว เป็นเรื่องค่าเสียหายทั่วไป หาใช่เป็นการกำหนดให้นายจ้างจ่ายค่าจ้างให้โจทก์ อันพึงต้องอยู่บังคับของประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง อัตราค่าจ้างขั้นต่ำไม่ ประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง การคุ้มครองแรงงาน ข้อ 45หมายความว่า ได้มีการเลิกจ้างโดยไม่มีสภาพการจ้างอยู่ต่อไปอีกลูกจ้างจึงจะมีสิทธิเรียกร้องเอาค่าจ้างในวันหยุดพักผ่อนประจำปีจากนายจ้างได้ แต่กรณีศาลแรงงานพิพากษาให้นายจ้างรับโจทก์กลับเข้าทำงานในตำแหน่งหน้าที่และอัตราค่าจ้างไม่ต่ำกว่าเดิมนั้นโจทก์กับนายจ้างกลับมีสภาพการเป็นลูกจ้างและนายจ้างกันต่อไปทั้งนายจ้างก็ยังมีสิทธิกำหนดวันหยุดพักผ่อนประจำปีให้โจทก์หยุดได้ตามข้อ 10 โจทก์จึงหมดสิทธิเรียกร้องเอาค่าจ้างในวันหยุดพักผ่อนประจำปีตามข้อ 32(3) และข้อ 45

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เป็นลูกจ้างของจำเลยที่ 16 ถูกจำเลยที่ 16เลิกจ้าง เป็นการกระทำอันไม่เป็นธรรม โจทก์จึงไปร้องเรียนต่อจำเลยที่ 1 ถึงที่ 15 จำเลยทั้งสิบห้ามีคำสั่งยกคำร้องของโจทก์ซึ่งเป็นการไม่ชอบด้วยกฎหมาย ขอให้เพิกถอนคำสั่งดังกล่าวและให้จำเลยที่ 16 รับโจทก์กลับเข้าทำงานในตำแหน่งและอัตราค่าจ้างเดิมกับให้ใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์ หากจำเลยที่ 16 รับกลับเข้าทำงานไม่ได้ให้จำเลยที่ 16 ใช้ค่าเสียหายพร้อมดอกเบี้ยแก่โจทก์ จำเลยให้การว่าการที่จำเลยที่ 16 เลิกจ้างโจทก์ไม่เป็นการกระทำอันไม่เป็นธรรมคำสั่งของจำเลยที่ 1 ถึงที่ 15 ที่ยกคำร้องของโจทก์ชอบแล้วศาลแรงงานกลางพิพากษาให้เพิกถอนคำสั่งของจำเลยที่ 1 ถึงที่ 15เฉพาะส่วนที่เกี่ยวกับโจทก์ ให้จำเลยที่ 16 รับโจทก์กลับเข้าทำงานในตำแหน่งหน้าที่ และอัตราค่าจ้างไม่ต่ำกว่าเดิมเสมือนไม่มีการเลิกจ้าง กับให้จ่ายค่าเสียหายเดือนละ 1,820 บาท นับแต่วันเลิกจ้างจนถึงวันรับกลับเข้าทำงานให้แก่โจทก์ โจทก์อุทธรณ์ต่อศาลฎีกา
ศาลฎีกาแผนกคดีแรงงานวินิจฉัยว่า “โจทก์อุทธรณ์ประการแรกว่า ที่ศาลแรงงานกลางให้จำเลยที่ 16 จ่ายค่าเสียหายเท่ากับค่าจ้างวันละ 70 บาท ไม่ชอบด้วยประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง อัตราค่าจ้างขั้นต่ำ (ฉบับที่ 16) ซึ่งใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน2530 ที่กำหนดให้อัตราค่าจ้างขั้นต่ำเป็นเงินวันละ 73 บาทการกำหนดค่าเสียหายต่ำกว่าอัตราค่าจ้างขั้นต่ำ จึงไม่ชอบด้วยกฎหมายพิเคราะห์แล้วเห็นว่า การกำหนดค่าเสียหายให้จำเลยที่ 16 ชดใช้ให้แก่โจทก์นั้น ศาลแรงงานกลางได้ถือเอาอัตราค่าจ้างขั้นต่ำตามประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง อัตราค่าจ้างขั้นต่ำ (ฉบับที่ 15)ซึ่งใช้บังคับอยู่ในขณะที่จำเลยที่ 16 เลิกจ้างโจทก์มาเป็นฐานคำนวณเป็นค่าเสียหายโดยมิได้คำนึงว่าขณะเลิกจ้างนั้น โจทก์ได้รับค่าจ้างมากหรือน้อยกว่าอัตราค่าจ้างขั้นต่ำหรือไม่เพียงใด ทั้งกรณีเป็นเรื่องของค่าเสียหาย หาใช่มีการกำหนดให้จำเลยที่ 16 จ่ายค่าจ้างให้แก่โจทก์อันพึงต้องอยู่ในบังคับของประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่องอัตราค่าจ้างขั้นต่ำ (ฉบับที่ 16) ดังข้ออุทธรณ์ของโจทก์ไม่
โจทก์อุทธรณ์ประการต่อไปว่า ระหว่างโจทก์ทำงานกับจำเลยที่ 16นั้น โจทก์ไม่ได้หยุดพักผ่อนประจำปีรวมทั้งสิ้น เป็นเวลา 30 วัน แต่ศาลแรงงานกลางมิได้พิพากษาให้จำเลยที่ 16 จ่ายค่าจ้างสำหรับวันหยุดพักผ่อนประจำปีให้แก่โจทก์ ขอให้ศาลฎีกาพิพากษาให้จำเลยที่ 16 จ่ายค่าจ้างดังกล่าวให้แก่โจทก์ด้วย พิเคราะห์แล้วตามประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง การคุ้มครองแรงงานข้อ 45 กำหนดว่า”ถ้านายจ้างเลิกจ้างลูกจ้างประจำโดยลูกจ้างมิได้มีความผิดตามข้อ 47ให้นายจ้างจ่ายค่าจ้างแก่ลูกจ้าง สำหรับวันหยุดพักผ่อนประจำปีตามส่วนที่ลูกจ้างมีสิทธิได้รับตามข้อ 10 และข้อ 32 ด้วย” เห็นว่าคำว่า ถ้านายจ้างเลิกจ้างลูกจ้างโดยมิได้กระทำความผิด หมายความว่าได้มีการเลิกจ้างกันโดยไม่มีสภาพการจ้างอยู่ต่อไปอีก ซึ่งลูกจ้างมีสิทธิเรียกร้องเอาค่าจ้าง ในวันหยุดพักผ่อนประจำปีจากนายจ้างได้แต่ตามกรณีของโจทก์ ศาลแรงงานกลางพิพากษาให้จำเลยที่ 16 รับโจทก์กลับเข้าทำงานในตำแหน่งหน้าที่และอัตราค่าจ้างไม่ตำกว่าเดิมซึ่งมีผลเป็นว่า โจทก์กับจำเลยที่ 16 กลับมีสภาพของการเป็นลูกจ้างและนายจ้างกันต่อไป ทั้งจำเลยที่ 16 ยังมีสิทธิกำหนดวันหยุดพักผ่อนประจำปีให้โจทก์หยุดได้ต่อไปตามประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่องการคุ้มครองแรงงาน ข้อ 10 ซึ่งจะเป็นเหตุให้โจทก์หมดสิทธิเรียกร้องเอาค่าจ้างสำหรับวันหยุดพักผ่อนประจำปี ตามข้อ 32 และข้อ 45ดังนั้น ที่ศาลแรงงานกลางไม่พิพากษาให้จำเลยที่ 16 จ่ายค่าจ้างสำหรับวันหยุดพักผ่อนประจำปีให้แก่โจทก์จึงชอบแล้ว อุทธรณ์ของโจทก์ทุกข้อฟังไม่ขึ้น”
พิพากษายืน

Share