คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6674/2538

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

ในความผิดฐานแข่งรถในทางตามพระราชบัญญัติจราจรทางบกพ.ศ. 2522 มาตรา 134 รถจักรยานยนต์ที่ใช้ในการแข่งถือเป็นทรัพย์สินซึ่งจำเลยได้ใช้ในการกระทำความผิดสมควรริบตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 33(1)

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยทั้งสองร่วมกันแข่งรถในทางโดยไม่ได้รับอนุญาตเป็นหนังสือจากเจ้าพนักงานจราจร โดยจำเลยที่ 1 ขับรถจักรยานยนต์หมายเลขทะเบียน ตรัง ฌ-3395 และจำเลยที่ 2ขับรถจักรยานยนต์ไม่มีหมายเลขทะเบียน ขอให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ. 2522 มาตรา 134, 160 ทวิ ประมวลกฎหมายอาญามาตรา 33 ริบของกลาง
จำเลยทั้งสองให้การรับสารภาพ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยทั้งสองมีความผิดตามพระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ. 2522 มาตรา 134 (ที่ถูกมาตรา 134 วรรคหนึ่ง)160 ทวิ จำเลยทั้งสองอายุไม่เกิน 17 ปี ลดมาตราส่วนโทษกึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 75 จำคุกคนละ 1 เดือน และปรับคนละ 5,000 บาท จำเลยทั้งสองให้การรับสารภาพ มีเหตุบรรเทาโทษลดโทษให้กึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงจำคุกคนละ15 วัน และปรับคนละ 2,500 บาท โทษจำคุกให้รอการลงโทษไว้มีกำหนด1 ปี ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 56 รถจักรยานยนต์ของกลางมิใช่ทรัพย์ที่ใช้ในการกระทำความผิดโดยตรงจึงไม่ริบ
โจทก์อุทธรณ์ขอให้ริบรถจักรยานยนต์ของกลาง
ศาลอุทธรณ์ภาค 3 พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา โดยอัยการสูงสุดรับรองให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “คดีมีปัญหาที่ต้องวินิจฉัยตามฎีกาของโจทก์ว่ารถจักรยานยนต์ของกลางเป็นทรัพย์สินที่ใช้ในการกระทำความผิดหรือไม่ และสมควรริบรถจักรยานยนต์ของกลางหรือไม่ ปัญหาว่ารถจักรยานยนต์ของกลางเป็นทรัพย์สินที่ใช้ในการกระทำความผิดหรือไม่นั้นเห็นว่าความผิดอาญาจะเกิดขึ้นได้ก็โดยมีการกระทำการกระทำหมายความรวมตลอดถึงการงดเว้นการที่จักต้องกระทำเพื่อป้องกันผลด้วย ความผิดฐานแข่งรถในทางโดยไม่ได้รับอนุญาตเป็นหนังสือจากเจ้าพนักงานจราจรตามพระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ. 2522มาตรา 134 นั้น นอกจากจะเป็นความผิดที่เกิดขึ้นเพราะละเว้นกระทำคือไม่ได้รับอนุญาตเป็นหนังสือจากเจ้าพนักงานจราจรแล้ว ยังเป็นความผิดที่เกิดขึ้นเพราะการกระทำคือการแข่งรถด้วยรถจักรยานยนต์ของกลางที่ใช้แข่งขันกันจึงเป็นทรัพย์สินซึ่งจำเลยทั้งสองได้ใช้ในการกระทำความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 33(1) ส่วนปัญหาว่าสมควรริบรถจักรยานยนต์ของกลางหรือไม่นั้น เห็นว่า ถนนหลวงเป็นทางที่คนทั่วไปอาจใช้สัญจรไปมา จำเลยทั้งสองได้ขับรถจักรยานยนต์ของกลางแข่งขันกันโดยฝ่าฝืนกฎหมายและคำสั่งของเจ้าพนักงานจราจรโดยไม่คำนึงถึงความเดือนร้อนรำคาญ และอาจเป็นอันตรายแก่ชีวิตและทรัพย์สินของบุคคลอื่นเป็นพฤติการณ์ที่พึงริบรถจักรยานยนต์ของกลาง ที่ศาลล่างทั้งสองไม่ริบรถจักรยานยนต์ของกลางนั้น ศาลฎีกาไม่เห็นพ้องด้วย ฎีกาของโจทก์ฟังขึ้น”
พิพากษาแก้เป็นว่า ให้ริบรถจักรยานยนต์ของกลาง นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 3

Share