แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ
ย่อสั้น
จำเลยมิได้เป็นผู้แจ้งการมาถึงของเรือและสินค้าพิพาทแก่ผู้รับตราส่ง และมิได้มีส่วนเกี่ยวข้องในการขนส่งสินค้าขึ้นจากเรือการรับใบตราส่งและออกใบสั่งปล่อยสินค้าอันเป็นขั้นตอนสำคัญในการขนส่ง ก็ทำให้ฐานะเป็นตัวแทนของเรือ จำเลยจึงมิใช่ผู้ขนส่งทอดสุดท้าย ไม่ต้องรับผิดต่อโจทก์ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 618
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า เมื่อปี 2532 ห้างหุ้นส่วนจำกัดลัคกี้อิมเป็กซ์ ได้สั่งซื้อสินค้าเส้นด้ายและผ้าพับจากผู้ขายที่เมืองฮ่องกง ผู้ขายว่าจ้างให้บริษัทเฮือง-เอ ชิปปิ้ง จำกัดเป็นผู้ขนส่งจากเมืองฮ่องกงมายังประเทศไทยโดยเรือสินค้าสินค้าทั้งสองรายการ ห้างหุ้นส่วนจำกัด ลัคกี้อิมเป็กซ์ได้เอาประกันภัยไว้กับโจทก์ ผู้ขนส่งได้ว่าจ้างจำเลยให้เข้าร่วมเป็นผู้ขนส่งทอดสุดท้ายเมื่อเรือสินค้ามาถึงประเทศไทย จำเลยทำหน้าที่พิธีการทางเรือและแจ้งให้ผู้ซื้อสินค้านำใบตราส่งมาเวนคืนแลกเปลี่ยนใบสั่งปล่อยสินค้าจากจำเลยหลังจากการขนถ่ายสินค้าเสร็จสิ้น ปรากฏว่ามีสินค้าเส้นด้ายสูญหาย คิดเป็นเงินค่าเสียหาย144,905 บาท สินค้าผ้าพับมีรอยเปื้อน คิดเป็นเงินค่าเสียหาย663,177 บาท จำเลยเพิกเฉยไม่ชำระค่าเสียหายให้แก่ห้างหุ้นส่วนจำกัดลัคกี้อิมเป็กซ์ โจทก์ในฐานะผู้รับประกันภัยได้ชดใช้ค่าเสียหายจำนวนดังกล่าวไป โจทก์จึงรับช่วงสิทธิของผู้เอาประกันภัยเรียกร้องให้จำเลยใช้เงินจำนวนดังกล่าว ขอให้จำเลยชำระเงิน 808,082 บาทพร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี
จำเลยให้การว่า จำเลยเป็นเพียงตัวแทนของบริษัทเฮือง-เอ ชิปปิ้ง จำกัด เกี่ยวกับพิธีการนำเรือสินค้าดังกล่าวเข้าจอดเทียบท่าในประเทศไทยเท่านั้น โจทก์จ่ายค่าสินไหมทดแทนให้แก่ผู้เอาประกันภัย โดยผู้ขนส่งสินค้าไม่ต้องรับผิด ค่าเสียหายที่โจทก์เรียกร้องสูงเกินส่วน ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “พิเคราะห์แล้ว โจทก์ฎีกาข้อแรกว่าจำเลยเป็นผู้ขนส่งทอดสุดท้าย ต้องร่วมรับผิดต่อโจทก์ ข้อนี้นายชำนิ พะพานะ พยานโจทก์เบิกความว่าจำเลยจะต้องแจ้งการมาถึงของเรือโดยจดหมายไปให้ห้างหุ้นส่วนจำกัดลัคกี้อิมเป็กซ์ทราบนอกจากนี้ จำเลยยังต้องประกาศหนังสือพิมพ์ด้วย เมื่อห้างหุ้นส่วนจำกัด ลัคกี้อิมเป็กซ์ได้รับแจ้งดังกล่าวแล้วก็ต้องนำใบตราส่งไปเวนคืนที่บริษัทจำเลย เพื่อแลกกับใบปล่อยสินค้าจากจำเลยนายวาทิน ศรีโปดก พยานโจทก์อีกปากหนึ่งเบิกความทำนองเดียวกับนายชำนิและเบิกความด้วยว่าจำเลยมีหน้าที่นำเรือเดินทะเลเพื่อขนถ่ายสินค้าและจัดหาเครื่องมือขนถ่ายรวมทั้งจ้างกรรมกรขนสินค้าลงจากเรือด้วย แต่นายชำนิเบิกความตอบทนายจำเลยถามค้านว่าไม่ทราบว่าคนงานขนถ่ายสินค้าจากเรือรับจ้างจากผู้ใดจำเลยเป็นผู้รับจ้างของบริษัทเฮือง-เอ ชิปปิ้ง จำกัด หรือเป็นเพียงตัวแทนของบริษัทดังกล่าวไม่ทราบ ส่วนนายวาทินเบิกความตอบทนายจำเลยถามค้านว่า บริษัทจำเลยแจ้งการมาถึงของเรือให้ห้างหุ้นส่วนจำกัด ลัคกี้อิมเป็กซ์ทราบนั้นจะกระทำโดยเป็นตัวแทนของบริษัทเฮือง เอ ชิปปิ้ง หรือไม่ไม่ทราบ เห็นว่า การแจ้งการมาถึงของเรือเป็นจดหมายหรือประกาศหนังสือพิมพ์ก็ดี การออกใบส่งปล่อยสินค้าก็ดีต้องทำเป็นเอกสารทั้งสิ้น แต่โจทก์คงมีพยานบุคคลเบิกความลอย ๆ ไม่มีพยานเอกสารสนับสนุนทั้งพยานโจทก์ทั้งสองปากดังกล่าวก็ไม่ยืนยันว่าจำเลยกระทำการต่าง ๆ ในฐานะผู้ร่วมขนส่งทอดสุดท้าย พยานโจทก์จึงมีน้ำหนักน้อย ส่วนที่นางภาคินีอัครพิบูลย์ พนักงานจำเลยซึ่งมีหน้าที่ประสานงานกับบริษัทต่างประเทศเบิกความเป็นพยานจำเลยตอบทนายโจทก์ถามค้านรับว่าคดีนี้ผู้รับตราส่งจะต้องนำใบตราส่งมาเวนคืนกับบริษัทจำเลยบริษัทจำเลยจะออกใบปล่อยสินค้าให้นั้น เห็นว่านางภาคินีได้เบิกความตอบทนายจำเลยถามติงด้วยว่า จำเลยออกใบสั่งปล่อยสินค้าในฐานะเป็นตัวแทนของเรือ เมื่อโจทก์ไม่มีพยานเอกสารมาสนับสนุนดังวินิจฉัยข้างต้นและนางภาคินีเป็นเพียงพนักงานของจำเลยทำหน้าที่เกี่ยวกับการติดต่อประสานงานกับบริษัทต่างประเทศเท่านั้นไม่ปรากฏว่ามีหน้าที่โดยตรงเกี่ยวกับการออกใบปล่อยสินค้าของบริษัทจำเลย ข้อเท็จจริงจึงไม่พอฟังว่าจำเลยเป็นผู้ออกใบปล่อยสินค้ารายพิพาทในฐานะเป็นผู้ร่วมขนส่งทอดสุดท้าย เมื่อข้อเท็จจริงฟังไม่ได้ว่าจำเลยเป็นผู้แจ้งการมาถึงของเรือและสินค้าพิพาทแก่ผู้รับตราส่งมีส่วนเกี่ยวข้องในการขนสินค้าขึ้นจากเรือและรับเวนคืนใบตราส่งแล้วออกใบสั่งปล่อยสินค้าในฐานะผู้ร่วมขนส่งทอดสุดท้าย อันเป็นขั้นตอนสำคัญในการขนส่ง จำเลยจึงไม่ใช่ผู้ขนส่งทอดสุดท้าย ไม่ต้องรับผิดต่อโจทก์ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 618 ฎีกาโจทก์ฟังไม่ขึ้นเมื่อวินิจฉัยดังกล่าวก็ไม่จำต้องวินิจฉัยฎีกาของโจทก์ข้ออื่น เพราะไม่ทำให้ผลคดีเปลี่ยนแปลงไป
พิพากษายืน