คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6114/2538

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

ผู้ร้องไม่มาศาลในวันนัดสืบพยานผู้ร้องชั้นร้องขัดทรัพย์ศาลชั้นต้นถือว่าผู้ร้องไม่มีพยานมาสืบ ให้ยกคำร้อง การที่ผู้ร้องอุทธรณ์คำสั่งศาลชั้นต้นโดยอ้างว่ามิได้มีเจตนาที่จะไม่ไปศาลตามกำหนดนัดและได้มอบฉันทะให้เสมียนทนายขอเลื่อนคดี อุทธรณ์ของผู้ร้องเท่ากับเป็นการขอให้ศาลพิจารณาคดีของผู้ร้องใหม่ซึ่งเป็นกรณีต้องบังคับตามพระราชบัญญัติล้มละลายฯ มาตรา 153 และประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 207,208 และ 209การที่ผู้ร้องยื่นอุทธรณ์โดยมิได้ยื่นคำร้องต่อศาลชั้นต้นจึงเป็นการดำเนินกระบวนพิจารณาที่ไม่ชอบแม้ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยให้ก็ถือไม่ได้ว่าเป็นข้อที่ได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วโดยชอบในศาลอุทธรณ์ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย

ย่อยาว

คดีสืบเนื่องมาจากโจทก์ฟ้องจำเลยทั้งสามให้เป็นบุคคลล้มละลายศาลฎีกาพิพากษายืนตามศาลอุทธรณ์ให้พิทักษ์ทรัพย์ของจำเลยทั้งสามเด็ดขาด ผู้คัดค้านรวบรวมทรัพย์สินต่าง ๆ รวม 47 รายการของจำเลยทั้งสามและประกาศขายทอดตลาด ผู้ร้องยื่นคำร้องต่อผู้คัดค้านว่าทรัพย์สินตามรายการต่าง ๆ นั้น เป็นทรัพย์สินของผู้ร้องไม่ใช่ทรัพย์สินของจำเลยทั้งสาม ผู้คัดค้านนัดสอบสวนคำร้อง แต่ผู้ร้องไม่นำพยานมาให้การสอบสวน ผู้คัดค้านมีคำสั่งให้ยกคำร้อง ผู้ร้องยื่นคำร้องขอต่อศาลชั้นต้นขอให้ปล่อยทรัพย์สินทั้ง 47 รายการผู้คัดค้านยื่นคำคัดค้าน ขอให้ยกคำร้อง
ศาลชั้นต้นนัดไต่สวนพยานผู้ร้องในวันที่ 21 ตุลาคม 2535เวลา 13.30 นาฬิกา ถึงวันเวลานัด ผู้ร้องไม่มาศาล ศาลชั้นต้นถือว่าผู้ร้องไม่มีพยานสืบ ให้ยกคำร้อง
ผู้ร้องอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่าผู้ร้องจงใจขาดนัดพิจารณา พิพากษายืน
ผู้ร้องฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “เมื่อผู้ร้องไม่มาศาลในวันนัดสืบพยานศาลชั้นต้นถือว่าผู้ร้องไม่มีพยานมาสืบแล้วมีคำสั่งว่า ข้อเท็จจริงจึงฟังไม่ได้ตามคำร้อง ให้ยกคำร้อง การที่ผู้ร้องอุทธรณ์คำสั่งศาลชั้นต้นโดยอ้างว่าผู้ร้องมิได้มีเจตนาที่จะไม่ไปศาลตามกำหนดนัดและในวันนัดสืบพยานผู้ร้องได้มอบฉันทะให้เสมียนทนายเดินทางจากกรุงเทพมหานคร นำคำร้องขอเลื่อนคดีไปยื่นต่อศาลชั้นต้นแต่ไปถึงศาลชั้นต้นเวลา 14.30 นาฬิกา เนื่องจากการจราจรในกรุงเทพมหานครติดขัดอย่างมาก และเจ้าหน้าที่ศาลไม่ยอมรับคำร้องอ้างว่าศาลได้ดำเนินกระบวนพิจารณาและยกคำร้องของผู้ร้องไปแล้ว อุทธรณ์ของผู้ร้องเท่ากับเป็นการขอให้ศาลพิจารณาคดีของผู้ร้องใหม่โดยเปิดโอกาสให้ผู้ร้องนำพยานเข้าสืบซึ่งเป็นกรณีต้องบังคับตามพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ. 2483 มาตรา 153 และประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 207, 208 และ 209 การที่ผู้ร้องยื่นอุทธรณ์โดยมิได้ยื่นคำร้องต่อศาลชั้นต้นเช่นนี้ จึงเป็นการดำเนินกระบวนพิจารณาที่ไม่ชอบแม้ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยให้ก็ถือไม่ได้ว่าเป็นข้อที่ได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วโดยชอบในศาลอุทธรณ์ ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย เมื่อวินิจฉัยเช่นนี้แล้วจึงไม่จำต้องวินิจฉัยปัญหาตามฎีกาผู้ร้องที่ว่า ผู้ร้องไม่ได้จงใจขาดนัดพิจารณาจึงมีเหตุที่จะนัดสืบพยานผู้ร้องตามคำร้องขอหรือไม่
พิพากษายกคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ และยกฎีกาของผู้ร้อง

Share