คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5938/2534

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

พ.ร.บ. เวนคืนอสังหาริมทรัพย์ออกใช้บังคับโดยระบุที่ดินพิพาทอยู่ภายในแนวเขตที่ดินที่ต้องเวนคืนท้าย พ.ร.บ. ดังกล่าวจึงมีเจตนารมณ์ มุ่งบังคับเอาแก่ที่ดินหรืออสังหาริมทรัพย์อย่างอื่นโดยเฉพาะ หาได้ถือเอาตัวบุคคลผู้เป็นเจ้าของหรือผู้ครอบครองเป็นสาระสำคัญไม่ เหตุที่ให้ระบุชื่อเจ้าของหรือผู้ครอบครองโดยชอบด้วยกฎหมายไว้ ก็เพื่อประโยชน์ในการจ่ายหรือวางเงินค่าทดแทนเท่านั้นดังนั้น แม้จะไม่ปรากฏชื่อโจทก์เป็นเจ้าของหรือผู้ครอบครองที่ดินพิพาทก็หามีผลทำให้ที่ดินพิพาทไม่อยู่ภายใต้บังคับที่จะถูกเวนคืนตาม พ.ร.บ. ดังกล่าวไม่.

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เป็นเจ้าของที่ดินตามหนังสือรับรองการทำประโยชน์เลขที่ 788 เล่ม 8 ข. หน้า 38 ตำบลมาบตาพุด อำเภอเมืองระยอง จังหวัดระยอง เมื่อได้มีพระราชบัญญัติเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ในท้องที่ตำบลห้วยโป่ง และตำบลมาบตาพุด อำเภอเมืองระยอง จังหวัดระยอง พ.ศ. 2527 ให้เวนคืนอสังหาริมทรัพย์ในท้องที่ตำบลห้วยโป่งและตำบลมาบตาพุด อำเภอเมืองระยองจังหวัดระยอง ภายในแนวเขตตามแผนที่ท้ายพระราชบัญญัติ ซึ่งปรากฏชื่อเจ้าของหรือผู้ครอบครองโดยชอบด้วยกฎหมายตามบัญชีท้ายพระราชบัญญัติดังกล่าวให้จำเลย โดยมีผู้ว่าการของจำเลยเป็นเจ้าหน้าที่ในการเวนคืน และในบัญชีรายชื่อท้ายพระราชบัญญัติดังกล่าวไม่ปรากฏว่ามีชื่อโจทก์เป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์หรือผู้ครอบครองที่ดินดังกล่าวอันจะถูกเวนคืนแต่อย่างใด ที่ดินของโจทก์แปลงดังกล่าวจึงไม่อยู่ในบังคับตามพระราชบัญญัติเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ดังกล่าว จำเลยจึงไม่มีสิทธิเข้ายุ่งเกี่ยวหรือเวนคืนที่ดินแปลงดังกล่าวของโจทก์ได้ ต่อมาเจ้าหน้าที่ของจำเลยได้มีหนังสือถึงโจทก์แจ้งการเข้าสำรวจประเมินราคาที่ดินของโจทก์แจ้งการวางเงินค่าทดแทนและแจ้งให้ไปรับเงินค่าทดแทนอันเป็นการโต้แย้งสิทธิของโจทก์เกี่ยวกับที่ดินดังกล่าว โจทก์จึงมีหนังสือถึงผู้ว่าการของจำเลยห้ามมิให้เกี่ยวข้องกับที่ดินของโจทก์ แต่จำเลยก็ยังคงดำเนินการเวนคืนที่ดินของโจทก์ต่อไป จึงขอให้ห้ามมิให้จำเลยและบริวารเข้ายุ่งเกี่ยวกับที่ดินของโจทก์ตามหนังสือรับรองการทำประโยชน์
จำเลยให้การและแก้ไขคำให้การว่า ก่อนที่จะมีการเวนคืนที่ดินพิพาทได้มีพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืนในท้องที่กิ่งอำเภอบ้านฉาง อำเภอเมืองระยอง และอำเภอเมืองระยอง จังหวัดระยอง พ.ศ. 2525 เมื่อวันที่ 23 พฤศจิกายน2525 กำหนเขตที่ดินบริเวณที่จะทำการสำรวจเพื่อเวนคืนที่ดินเพื่อจัดตั้งนิคมอุตสาหกรรมในท้องที่กิ่งอำเภอบ้านฉางและอำเภอเมืองระยอง จังหวัดระยองและได้กำหนดให้จำเลยซึ่งเป็นหน่วยงานของรัฐมีอำนาจและหน้าที่ในการสำรวจเพื่อเวนคืนที่ดินตามแผนที่ท้ายพระราชกฤษฎีกาดังกล่าว หลังจากนั้นจำเลยได้ทำการสำรวจและตรวจสอบที่ดินภายในแนวเขตแผนที่ท้ายพระราชกฤษฎีกาดังกล่าว ปรากฏว่าที่ดินพิพาทอยู่ในแนวเขตแผนที่ท้ายพระราชกฤษฎีกาด้วย และปรากฏชื่อนางบรรจงเกตุษา เป็นผู้ครอบครองที่ดินที่พิพาทอยู่ในขณะทำการตรวจสอบนั้น ต่อมาจึงได้มีพระราชบัญญัติเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ในท้องที่ตำบลห้วยโป่งและตำบลมาบตาพุด อำเภอเมืองระยอง จังหวัดระยอง พ.ศ. 2527 ออกใช้บังคับเพื่อเวนคืนที่ดินภายในท้องที่ตำบลห้วยโป่ง และตำบลมาบตาพุด อำเภอเมืองระยอง จังหวัดระยอง ตามที่ได้ทำการสำรวจไว้ตามพระราชกฤษฎีกาดังกล่าวข้างต้นและตามพระราชบัญญัติดังกล่าวได้กำหนดแนวเขตที่ดินที่จะทำการเวนคืนไว้ท้ายพระราชบัญญัติซึ่งปรากฏว่าที่ดินพิพาทอยู่ภายในแนวเขตการเวนคืนและระบุชื่อนางบรรจง เกตุษา เป็นเจ้าของหรือผู้ครอบครองที่ดินพิพาทตามบัญชีท้ายพระราชบัญญัติดังกล่าว เหตุที่ไม่มีชื่อโจทก์อยู่ในรายชื่อเจ้าของหรือผู้ครอบครองตามบัญชีท้ายพระราชบัญญัติเนื่องจากโจทก์เพิ่งจะได้รับโอนการครอบครองที่ดินพิพาทมาจากนางบรรจง เกตุษา โดยการซื้อที่ดินพิพาทเมื่อวันที่ 25 พฤษภาคม 2526 ซึ่งเป็นเวลาภายหลังที่จำเลยได้ดำเนินการสำรวจและตรวจสอบรายชื่อผู้เป็นเจ้าของหรือผู้ครอบครองที่ดินพิพาทตามพระราชกฤษฎีกาดังกล่าวข้างต้นแล้ว การที่ไม่มีชื่อโจทก์หาเป็นเหตุให้ที่ดินพิพาทของโจทก์ไม่ตกอยู่ในบังคับการเวนคืนตามพระราชบัญญัติเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ในท้องที่ตำบลห้วยโป่งและตำบลมาบตาพุด อำเภอเมืองระยอง จังหวัดระยอง พ.ศ. 2527แต่อย่างใด จำเลยจึงมีสิทธิที่จะเข้าดำเนินการเพื่อเวนคืนที่ดินพิพาทของโจทก์ได้โดยชอบด้วยกฎหมาย นอกจากนี้เมื่อจำเลยได้ทราบว่าที่ดินพิพาทได้มีการโอนการครอบครองโดยนางบรรจง เกตุษาได้ขายให้แก่โจทก์แล้ว จำเลยได้มีหนังสือแจ้งการเข้าสำรวจและประเมินราคาอสังหาริมทรัพย์ที่ดินพิพาทของโจทก์ให้โจทก์ทราบแต่โจทก์กลับเพิกเฉยไม่ติดต่อหรือให้ถ้อยคำและนำสำรวจที่ดินพิพาทแต่อย่างใด จำเลยจึงได้ทำการตรวจสอบและกำหนดค่าทดแทนการเวนคืนที่ดินพิพาทเป็นเงินจำนวน 146,007.50 บาท ให้โจทก์ไปรับเงินค่าทดแทนจำนวนดังกล่าว แต่โจทก์ก็ยังเพิกเฉยไม่ไปรับ จำเลยจึงได้นำเงินค่าทดแทนดังกล่าวไปฝากไว้กับธนาคารออมสิน สาขาระยองจำเลยในฐานะเจ้าหน้าที่จึงมีอำนาจที่จะเข้าครอบครองและใช้ที่ดินพิพาทของโจทก์ได้โดยชอบด้วยกฎหมาย โจทก์คงมีแต่เพียงสิทธิที่จะโต้แย้งเกี่ยวกับจำนวนค่าทดแทนส่วนที่โจทก์จะได้รับในกรณีที่โจทก์เห็นว่าเงินค่าทดแทนส่วนที่โจทก์จะได้รับนั้นไม่ถูกต้องตามราคาที่เป็นธรรมตามพระราชบัญญัติดังกล่าว มาตรา 5 เท่านั้นการที่โจทก์ฟ้องคีดนี้โดยระบุว่าจำเลยมีภูมิลำเนาอยู่ในเขตศาลจังหวัดระยอง ตามที่อยู่ที่ระบุในคำฟ้องไม่เป็นความจริง ความจริงแล้วจำเลยมีภูมิลำเนาอยู่ในเขตอำนาจศาลแพ่งตามที่อยู่ที่จำเลยระบุในคำให้การ การฟ้องคดีนี้จึงเป็นการไม่ชอบด้วยกฎหมายที่ศาลจะรับไว้พิจารณา ขอให้ศาลยกฟ้องและให้โจทก์ใช้ค่าฤชาธรรมเนียมแทนจำเลยด้วย
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ปัญหาที่จะต้องวินิจฉัยมีว่าที่ดินพิพาทอยู่ในบังคับที่จะต้องเวนคืนตามพระราชบัญญัติเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ในท้องที่ตำบลห้วยโป่ง และตำบลมาบตาพุด อำเภอเมืองระยองจังหวัดระยอง พ.ศ. 2527 หรือไม่ ศาลฎีกาเห็นว่าความมุ่งหมายตามพระราชบัญญัติเวนคืนดังกล่าวได้ระบุไว้ชัดว่าให้เวนคืนอสังหาริมทรัพย์ในท้องที่ตำบลห้วยโป่งและตำบลมาบตาพุด อำเภอเมืองระยอง จังหวัดระยอง ซึ่งจำเลยได้ทำการสำรวจที่ดินที่จะต้องเวนคืนเสร็จแล้วโดยอาศัยอำนาจตามพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืนในท้องที่กิ่งอำเภอบ้านฉาง อำเภอเมืองระยองและอำเภอเมืองระยอง จังหวัดระยอง พ.ศ. 2525 ขณะทำการสำรวจนั้นมีชื่อนางบรรจง เกตุษา เป็นเจ้าของผู้ครอบครองที่ดินพิพาทจึงได้มีชื่อนางบรรจง เกตุษาเป็นเจ้าของหรือผู้ครอบครองที่ดินพิพาทอยู่ในบัญชีรายชื่อท้ายพระราชบัญญัติเวนคืนดังกล่าวซึ่งประกาศใช้ในภายหลัง เหตุที่ไม่มีชื่อโจทก์เป็นเจ้าของหรือผู้ครอบครองที่ดินพิพาทในบัญชีรายชื่อท้ายพระราชบัญญัติเวนคืนดังกล่าวซึ่งประกาศใช้ในภายหลังก็เนื่องมาจากไม่มีผู้ใดแจ้งให้จำเลยทราบว่านางบรรจงได้โอนที่ดินพิพาทให้แก่โจทก์ในเวลาต่อมาพระราชบัญญัติเวนคืนดังกล่าวออกใช้บังคับโดยระบุที่ดินพิพาทอยู่ภายในแนวเขตที่ดินที่ต้องเวนคืนท้ายพระราชบัญญัติดังกล่าวจึงเห็นได้ว่ามีเจตนารมณ์มุ่งบังคับเอาแก่ที่ดินหรืออสังหาริมทรัพย์อย่างอื่นโดยเฉพาะ หาได้ถือเอาตัวบุคคลผู้เป็นเจ้าของหรือผู้ครอบครองเป็นสาระสำคัญไม่ เหตุที่ให้ระบุชื่อเจ้าของหรือผู้ครอบครองโดยชอบด้วยกฎหมายไว้ ก็เพื่อประโยชน์ในการจ่ายหรือวางเงินค่าทดแทนเท่านั้น ดังนั้นแม้จะไม่ปรากฏชื่อโจทก์เป็นเจ้าของหรือผู้ครอบครองที่ดินพิพาทท้ายพระราชบัญญัติเวนคืนดังกล่าวก็หามีผลทำให้ที่ดินพิพาทไม่อยู่ภายใต้บังคับที่จะถูกเวนคืนตามพระราชบัญญัติดังกล่าวไม่ ที่ศาลอุทธรณ์พิพากษายกฟ้องโจทก์มานั้นชอบแล้ว ฎีกาของโจทก์ฟังไม่ขึ้น”
พิพากษายืน.

Share