คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5682/2534

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

คำร้องที่จำเลยขอให้ศาลชั้นต้นเรียกทายาทของบุคคลภายนอกเข้ามาในคดีมิใช่คำคู่ความตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 1(5)เพราะไม่ได้ตั้งประเด็นระหว่างคู่ความ เมื่อศาลชั้นต้นยกคำร้องจึงเป็นคำสั่งระหว่างพิจารณาและศาลชั้นต้นยังไม่มีคำพิพากษาหรือคำสั่งชี้ขาดตัดสินคดีจำเลยทั้งสองจะอุทธรณ์ฎีกาคำสั่งระหว่างพิจารณาดังกล่าวไม่ได้ ต้องห้ามตามมาตรา 226(1) ประกอบกับมาตรา 247

ย่อยาว

คดีสืบเนื่องมาจากโจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยทั้งสองร่วมกันชำระเงินตามเช็คจำเลยทั้งสองให้การว่า จำเลยที่ 2 มอบเช็คพิพาทให้นาย ต. โดยไม่ได้ลงวันที่และได้ผ่อนชำระเงินตามเช็คให้นายต.ครบถ้วนแล้ว แต่ไม่ได้รับเช็คคืน ต่อมานาย ต. ตาย ทายาทของนายต.สมคบกับโจทก์ โอนเช็คพิพาทให้แก่กันโดยไม่มีมูลหนี้เพื่อฉ้อฉลจำเลยทั้งสอง ขอให้ยกฟ้อง
ภายหลังจากศาลชั้นต้นชี้สองสถานแล้ว จำเลยทั้งสองยื่นคำร้องขอให้เรียกทายาทผู้มีสิทธิรับมรดกของนายต. เข้ามาในคดีเพื่อใช้สิทธิไล่เบี้ยเอาแก่ทายาทของนายต.
ทายาทของนายต.คัดค้านว่า จำเลยไม่มีอำนาจขอให้ศาลเรียกเข้ามาเป็นจำเลยร่วม
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วมีคำสั่งว่า เนื่องจากไม่เข้าเหตุตามกฎหมายที่จะเรียกทายาทของนายตงกวยทั้งห้าเข้ามาเป็นจำเลยร่วม ให้ยกคำร้อง
จำเลยทั้งสองอุทธรณ์คำสั่ง
ศาลอุทธรณ์พิพากษายกอุทธรณ์ของจำเลยทั้งสอง คืนค่าธรรมเนียมศาลทั้งหมดแก่จำเลยทั้งสอง
จำเลยทั้งสองฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า คำร้องที่จำเลยทั้งสองขอให้ศาลเรียกทายาทของนายตงกวยซึ่งเป็นบุคคลภายนอกเข้ามาในคดีมิใช่คำคู่ความตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 1(5) เพราะไม่ได้ตั้งประเด็นระหว่างคู่ความ เมื่อศาลชั้นต้นยกคำร้อง จึงเป็นคำสั่งระหว่างพิจารณาและศาลชั้นต้นยังไม่มีคำพิพากษาหรือคำสั่งชี้ขาดตัดสินคดี จำเลยทั้งสองจะอุทธรณ์ฎีกาคำสั่งระหว่างพิจารณาดังกล่าวไม่ได้ ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 226(1)ประกอบกับมาตรา 247
พิพากษายืน

Share