แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ขณะจำเลยกระทำความผิด ผู้ร้องเป็นผู้เช่าซื้อรถยนต์ของกลางยังไม่ใช่เจ้าของผู้ร้องจึงไม่มีสิทธิขอคืน. (อ้างคำพิพากษาฎีกาที่ 1578/2522).
ย่อยาว
คดีสืบเนื่องจากโจทก์ฟ้องจำเลยทั้งสองในข้อหาความผิดต่อพระราชบัญญัติป่าสงวนแห่งชาติ พ.ศ. 2507 ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำคุกจำเลยคนละ 1 ปี และปรับคนละ 6,500 บาท โทษจำคุกให้รอการลงโทษไว้ 2 ปี ส่วนรถยนต์บรรทุกไม้คันหมายเลขทะเบียน ป-1083 ขอนแก่นของกลาง ซึ่งให้เป็นยานพาหนะบรรทุกไม้ออกจากป่าให้ริบ
ผู้ร้องยื่นคำร้องว่า รถยนต์ของกลางเป็นของผู้ร้องให้นายอดิศักดิ์ คินาพิษ เช่าซื้อไป นายอดิศักดิ์ ผิดสัญญาและไม่ส่งมอบรถยนต์คืน ผู้ร้องไม่ได้รู้เห็นเป็นใจในการกระทำผิด ขอให้คืนรถยนต์ของกลางแก่ผู้ร้อง
โจทก์คัดค้านว่า ผู้ร้องมิใช่เจ้าของรถยนต์ของกลาง ไม่มีสิทธิขอคืน
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วมีคำสั่งให้ยกคำร้องของผู้ร้อง
ผู้ร้องอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษายืน
ผู้ร้องฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ก่อนที่ศาลชั้นต้นพิพากษาให้ริบรถยนต์ของกลาง คือวันที่ 10 ตุลาคม 2531 นั้น รถยนต์ของกลางยังเป็นกรรมสิทธิ์ของบริษัท เอ็ม.เอ็ม.ซี สิทธิผล จำกัด ให้ผู้ร้องเช่าซื้ออยู่ เมื่อศาลพิพากษาให้ริบแล้วผู้ร้องยังคงชำระเงินค่าเช่าซื้อให้แก่บริษัท เอ็ม.เอ็ม.ซี สิทธิผล จำกัด จนครบถ้วนตามสัญญาเช่าซื้อโดยชำระค่าเช่าซื้องวดสุดท้ายเมื่อวันที่ 30 มีนาคม 2532 และบริษัทเอ็ม.เอ็ม.ซี สิทธิผล จำกัด ได้จดทะเบียนโอนรถยนต์ของกลางให้แก่ผู้ร้องเมื่อวันที่ 5 มิถุนายน 2532 ซึ่งเป็นเวลาภายหลังจากศาลสั่งริบไปแล้ว จึงฟังได้ว่าขณะจำเลยกระทำความผิด ผู้ร้องไม่ใช่เจ้าของผู้ร้องจึงไม่มีสิทธิขอคืนรถยนต์ของกลาง ตามนัยคำพิพากษาศาลฎีกาที่1578/2522 ระหว่างพนักงานอัยการประจำศาลจังหวัดภูเขียว โจทก์ นายไสวงอนชัยภูมิ จำเลย ห้างหุ้นส่วนจำกัดชัยภูมิย่งเซ่งฮวด ผู้ร้องที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งยกคำร้องของผู้ร้องและศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษายืนนั้น ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วยในผล ฎีกาผู้ร้องฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน.