คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5468/2534

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ในคดีที่จำเลยขาดนัดยื่นคำให้การ แต่มิได้ขาดนัดพิจารณาเมื่อจำเลยแถลงรับว่าเป็นหนี้โจทก์จริงตามฟ้องเสียแล้ว โจทก์ก็ไม่ต้องนำสืบแต่อย่างใดอีกเพราะข้อเท็จจริงย่อมฟังได้ตามฟ้องตามที่จำเลยแถลงรับอยู่แล้ว แม้จะเป็นเรื่องอำนาจฟ้องหรือการคิดดอกเบี้ยก็ตาม ศาลย่อมพิพากษาไปได้โดยไม่ต้องให้โจทก์นำสืบอีกต่อไป

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยชำระเงินตามเช็คที่จำเลยเป็นผู้ลงลายมือชื่อสั่งจ่ายและนำมาขายลดแก่โจทก์ พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 18.5 ต่อปี
จำเลยขาดนัดยื่นคำให้การ
ระหว่างพิจารณา จำเลยแถลงยอมรับว่า จำเลยเป็นหนี้โจทก์จริงตามฟ้อง แต่ขอไม่ให้โจทก์คิดดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 18.5ต่อปี จากต้นเงิน 50,000 บาท นับจากวันถัดจากวันฟ้องไปจนกว่าจะชำระเสร็จ แต่โจทก์ไม่เห็นชอบด้วยศาลชั้นต้นสั่งงดสืบพยานโจทก์และพยานจำเลยเพราะเห็นว่าคดีพอวินิจฉัยได้แล้ว
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยชำระเงินตามฟ้อง และดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 18.5 ต่อปี จากต้นเงิน 50,000 บาท นับจากวันถัดจากวันฟ้องไปจนกว่าจำเลยจะชำระเงินเสร็จ
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า คดีนี้จำเลยขาดนัดยื่นคำให้การ มิได้ขาดนัดพิจารณา แต่จำเลยได้แถลงรับว่าเป็นหนี้โจทก์จริงตามฟ้องเสียแล้ว โจทก์ก็ไม่ต้องนำสืบแต่อย่างใดอีกเพราะข้อเท็จจริงย่อมฟังได้ตามฟ้องตามที่จำเลยแถลงรับอยู่แล้ว แม้จะเป็นเรื่องอำนาจฟ้องหรือการคิดดอกเบี้ยก็ตาม ศาลก็พิพากษาไปได้โดยไม่ต้องให้โจทก์นำสืบอีกต่อไป
พิพากษายืน

Share