คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5332/2534

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์ฟ้องขอให้พิพากษาว่าพินัยกรรมเป็นโมฆะ เป็นการเรียกร้องให้ทรัพย์ตามพินัยกรรมคืนมาเป็นทรัพย์มรดกเพื่อประโยชน์แก่โจทก์ผู้เป็นทายาท เป็นคำขอปลดเปลื้องทุกข์อันอาจคำนวณเป็นราคาเงินได้จึงเป็นคดีที่มีทุนทรัพย์ตามราคาทรัพย์ที่ระบุไว้ในพินัยกรรม.

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เป็นน้องร่วมบิดามารดาเดียวกันกับผู้ตายโจทก์ยื่นคำร้องขอเป็นผู้จัดการมรดกของผู้ตาย จำเลยร้องคัดค้านอ้างว่าผู้ตายได้ทำพินัยกรรมยกทรัพย์มรดกทั้งหมดให้แก่จำเลยแต่ผู้เดียว พินัยกรรมดังกล่าวจำเลยกับบุคคลภายนอกได้สมคบกันทำขึ้นย่อมเป็นโมฆะ เพราะผู้ตายมิได้สมัครใจและขาดเจตนาที่จะทำพินัยกรรมขอศาลพิพากษาว่าพินัยกรรมเป็นโมฆะ ไม่มีผลบังคับใช้ได้ตามกฎหมาย
จำเลยให้การว่า จำเลยเป็นบุตรของน้องร่วมบิดามารดาเดียวกันกับผู้ตาย ผู้ตายได้ทำพินัยกรรมยกทรัพย์มรดกทั้งหมดให้แก่จำเลยผู้ตายทำพินัยกรรมด้วยความสมัครใจ มีสติสัมปชัญญะและเข้าใจเรื่องการทำพินัยกรรม จำเลยมิได้ทุจริตสมคบกับบุคคลภายนอกกระทำขึ้นพินัยกรรมไม่เป็นโมฆะ ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาฟังข้อเท็จจริงว่า พินัยกรรมไม่เป็นโมฆะ แล้ววินิจฉัยข้อกฎหมายว่า โจทก์ฟ้องขอให้ศาลพิพากษาว่าพินัยกรรมเป็นโมฆะเป็นการเรียกร้องให้ทรัพย์ตามที่ระบุไว้ในพินัยกรรมคืนมาเป็นทรัพย์มรดกเพื่อประโยชน์แก่โจทก์ผู้เป็นทายาท เป็นคำขอปลดเปลื้องทุกข์อันอาจคำนวณเป็นราคาเงินได้ จึงเป็นคดีที่มีทุนทรัพย์โจทก์ต้องเสียค่าขึ้นศาลตามราคาทรัพย์ที่ระบุไว้ในพินัยกรรม
พิพากษายืน.

Share