คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4109/2534

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ผู้เสียหายเป็นหนี้พี่สาวจำเลย พี่สาวจำเลยเคยบอกผู้เสียหายว่าจะเอาทรัพย์ของผู้เสียหายมาไว้ก่อน เมื่อผู้เสียหายมีเงินแล้วค่อยมาไถ่คืน จำเลยไปเอาทรัพย์ของผู้เสียหายโดยเปิดเผยตามที่ผู้เสียหายยินยอมให้ถือเอาทรัพย์ของตนเพื่อประกันการชำระหนี้การกระทำของจำเลยไม่เป็นความผิดฐานลักทรัพย์.

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยกับพวกอีก 1 คน มีอาวุธปืนสั้นและรถจักรยานยนต์เป็นยานพาหนะ ได้ร่วมกันชิงทรัพย์สร้อยคอทองคำ 1 เส้นของผู้เสียหายที่ 1 เครื่องเล่นวีดีโอเทป 1 เครื่อง กับเครื่องรับวิทยุเทป 1 เครื่อง ของผู้เสียหายที่ 2 ซึ่งอยู่ในความครอบครองของผู้เสียหายที่ 1 ไปโดยทุจริต ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83, 334, 335, 339, 340 ตรี ประกาศของคณะปฏิวัติฉบับที่ 11 ลงวันที่ 21 พฤศจิกายน 2514 ข้อ 14, 15พระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา (ฉบับที่ 5)พ.ศ. 2525 มาตรา 11, 13
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 339 วรรคสอง ประกอบด้วยมาตรา 340 ตรีให้จำคุก 15 ปี คำให้การชั้นสอบสวนเป็นประโยชน์แก่การพิจารณาอยู่บ้าง นับเป็นเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้หนึ่งในสามตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงจำคุก 10 ปี
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 3 พิพากษากลับ ให้ยกฟ้อง
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงฟังได้ว่าจำเลยไปที่บ้านผู้เสียหายที่ 2 และเอาเครื่องเล่นวีดีโอเทปของผู้เสียหายที่ 2 ไปแต่ยังฟังไม่ได้ว่าจำเลยเอาเครื่องรับวิทยุเทปของผู้เสียหายที่ 2กับสร้อยคอทองคำของผู้เสียหายที่ 1 ไปด้วยโดยใช้อาวุธปืนขู่เข็ญผู้เสียหายที่ 1 อันจะเป็นความผิดฐานชิงทรัพย์ คงมีปัญหาว่าการที่จำเลยเอาเครื่องเล่นวีดีโอเทปของผู้เสียหายที่ 2 ไปเป็นความผิดฐานลักทรัพย์หรือไม่ เห็นว่า ผู้เสียหายที่ 2 เป็นหนี้พี่สาวจำเลย พี่สาวจำเลยเคยบอกผู้เสียหายที่ 2 ว่าจะเอาทรัพย์ของผู้เสียหายที่ 2 มาไว้ก่อน เมื่อผู้เสียหายที่ 2 มีเงินแล้วค่อยมาไถ่คืน จำเลยไปเอาทรัพย์ของผู้เสียหายที่ 2 โดยเปิดเผยตามที่ผู้เสียหายที่ 2 ยินยอมให้ถือเอาทรัพย์ของตนเป็นประกันการชำระหนี้เงินยืม การกระทำของจำเลยจึงไม่เป็นความผิดฐานลักทรัพย์
พิพากษายืน.

Share