คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3930/2534

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

แม้การยกให้ไม่สมบูรณ์ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 525เพราะไม่ได้ทำเป็นหนังสือและจดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ก็ตามแต่บิดาผู้ร้องและผู้ร้องครอบครองบ้านและที่ดินพิพาทต่อมาภายหลังจากเจ้ามรดกถึงแก่ความตายโดยครอบครองไว้เพื่อตนเอง ซึ่งเมื่อนับแต่วันที่เจ้ามรดกถึงแก่ความตายจนถึงวันที่ผู้ร้องยื่นคำร้องขอแสดงกรรมสิทธิ์เป็นเวลากว่า 10 ปีแล้ว ผู้ร้องย่อมได้ไปซึ่งกรรมสิทธิ์บ้านและที่ดินพิพาทด้วยการครอบครองตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1382 ผู้คัดค้านที่ 2 ไม่ได้ครอบครองมรดกและมิได้เรียกร้องเอาส่วนมรดกภายใน 1 ปี นับแต่วันที่เจ้ามรดกถึงแก่ความตาย ผู้คัดค้านที่ 2 เพิ่งจะเข้ามาอาศัยอยู่ในบ้านและที่ดินพิพาทในภายหลังย่อมหมดสิทธิที่จะรับมรดก และการครอบครองบ้านและที่ดินพิพาทของผู้คัดค้านที่ 2 ดังกล่าวจะถือว่าเป็นการครอบครองทรัพย์มรดกเพื่อตนเองและเป็นการครอบครองแทนทายาทอื่นไม่ได้.

ย่อยาว

ผู้ร้องยื่นคำร้องว่า เดิมที่ดินโฉนดเลขที่ 4956 ตำบลบ้านกุ่มอำเภอเมืองเพชรบุรี จังหวัดเพชรบุรี พร้อมบ้านเลขที่ 6 ซึ่งปลูกอยู่บนที่ดินเป็นกรรมสิทธิ์ของนางอึ่ง บัวประดิษฐ์ ต่อมานางอึ่งยกบ้านและที่ดินดังกล่าวให้แก่นายสมจิตร บัวประดิษฐ์ บิดาผู้ร้องซึ่งเป็นบุตร บิดาผู้ร้องครอบครองที่ดินและบ้านด้วยความสงบเปิดเผย และเจตนาเป็นเจ้าของติดต่อกันมาเกิน 10 ปี เมื่อบิดาผู้ร้องถึงแก่กรรม ผู้ร้องได้ครอบครองต่อมา ขอให้มีคำสั่งว่าที่ดินพร้อมบ้านดังกล่าวเป็นกรรมสิทธิ์ของผู้ร้อง
ผู้คัดค้านทั้งสามคัดค้าน
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่า ที่ดินโฉนดเลขที่ 4956 ตำบลบ้านกุ่ม(ที่ถูกตำบลกุ่มตก) อำเภอเมืองเพชรบุรี จังหวัดเพชรบุรี พร้อมบ้านเลขที่ 6 ซึ่งตั้งอยู่บนที่ดินเป็นกรรมสิทธิ์ของผู้ร้อง
ผู้คัดค้านทั้งสามอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
ผู้คัดค้านทั้งสามฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า แม้การยกให้ไม่สมบูรณ์ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 525 เพราะไม่ได้ทำเป็นหนังสือและจดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ก็ตาม แต่ที่นายสมจิตรและผู้ร้องครอบครองบ้านและที่ดินพิพาทต่อมาภายหลังจากนางอึ่งถึงแก่ความตายนั้น เป็นการครอบครองไว้เพื่อตนเอง หาใช่เป็นการครอบครองแทนทายาทอื่นไม่ ดังนั้นเมื่อนับแต่วันที่นางอึ่งถึงแก่ความตายจนถึงวันที่ผู้ร้องยื่นคำร้องขอแสดงกรรมสิทธิ์เป็นเวลากว่า10 ปีแล้ว ผู้ร้องจึงได้ไปซึ่งกรรมสิทธิ์บ้านและที่ดินพิพาทด้วยการครอบครองตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1382
ปัญหาตามฎีกาของผู้คัดค้านทั้งสามที่ว่า ที่ผู้คัดค้านที่ 2เข้าไปอยู่ในบ้านและที่ดินพิพาทภายหลังจากที่นายสมจิตรถึงแก่ความตายแล้ว จะถือว่าเป็นการเข้าไปครอบครองมรดกของนางอึ่งเพื่อตนเองและเป็นการแทนผู้คัดค้านทั้งสามหรือไม่ เห็นว่า ผู้คัดค้านที่ 2ไม่ได้ครอบครองมรดกของนางอึ่ง และมิได้เรียกร้องเอาส่วนมรดกภายใน 1 ปี นับแต่วันที่นางอึ่งถึงแก่ความตายแต่ผู้คัดค้านที่ 2เพิ่งจะเข้ามาอาศัยอยู่ในบ้านและที่ดินพิพาทในภายหลัง จึงหมดสิทธิที่จะรับมรดกการครอบครองบ้านและที่ดินพิพาทของผู้คัดค้านที่ 2จะถือว่าเป็นการครอบครองทรัพย์มรดกเพื่อตนเองและเป็นการครอบครองแทนทายาทอื่นไม่ได้
พิพากษายืน.

Share