คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3784/2534

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

โจทก์ฟ้องจำเลยเรื่องผิดสัญญาซื้อขายข้อหาเดียว จำเลยให้การว่าฟ้องโจทก์ขาดอายุความ เป็นคำให้การชัดแจ้งว่าข้อเท็จจริงเรื่องการซื้อขายทั้งหมดตามฟ้องขาดอายุความแล้ว ประเด็นข้อกฎหมายนั้น คู่ความเพียงแต่ยกขึ้นอ้างเป็นที่เข้าใจในข้อหาใด เรื่องใดก็เป็นการเพียงพอแล้ว แต่ถ้าข้อเท็จจริงที่นำไปสู่ข้อกฎหมายนั้นยังไม่เพียงพอก็จำเป็นต้องอ้างข้อเท็จจริงอันเป็นเหตุแห่งการนั้นโดยชัดแจ้ง จึงจะเป็นประเด็นที่จะมีสิทธินำสืบต่อไปได้ โจทก์เป็นพ่อค้า จำเลยประกอบอาชีพรับจ้างเคาะพ่นสี ปะผุรถยนต์และรถจักรยานยนต์ จำเลยซื้อเชื่อเครื่องอะไหล่จากโจทก์แม้จะนำมาเปลี่ยนชิ้นส่วนของรถหรือขาย ก็ไม่ถือว่าทำเพื่ออุตสาหกรรมของฝ่ายลูกหนี้ สิทธิเรียกร้องนี้จึงมีอายุความ 2 ปี ตาม ป.พ.พ.มาตรา 165(1).

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยทั้งสองร่วมกันประกอบการค้าอุตสาหกรรมโดยใช้นามในทางการค้าว่า “อู่อนันต์กลการ” เมื่อระหว่างวันที่ 22กรกฎาคม 2526 ถึงวันที่ 6 พฤศจิกายน 2527 จำเลยทั้งสองได้ซื้อสินค้า อะไหล่รถยนต์ และเครื่องยนต์จากโจทก์เพื่อใช้ในกิจการอุตสาหกรรมของจำเลยทั้งสองรวมเป็นเงินทั้งสิ้น 108,668 บาทจำเลยทั้งสองได้รับมอบสินค้าไปจากโจทก์ครบถ้วนแล้ว จำเลยทั้งสองยังไม่ชำระเงินค่าสินค้า โจทก์ทวงถามแต่จำเลยทั้งสองขอผัดผ่อนเรื่อยมา ขอให้บังคับจำเลยทั้งสองชำระเงินค่าสินค้ารวมทั้งดอกเบี้ยจนถึงวันฟ้องเป็นเงิน 108,976 บาท ให้โจทก์พร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีของเงินต้น 108,668 บาท นับแต่วันถัดจากวันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าชำระเสร็จ
จำเลยทั้งสองให้การว่า ไม่เคยซื้อสินค้าและรับสินค้าจากโจทก์คดีขาดอายุความแล้ว ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยทั้งสองชำระเงิน 21,625 บาทพร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีนับแต่วันที่ 30 กันยายน2529 จนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 2 พิพากษาแก้เป็นว่า ให้จำเลยทั้งสองชำระเงินจำนวน 87,043 บาท พร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีนับแต่วันที่ 30 กันยายน 2529 จนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ นอกจากที่แก้คงให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
จำเลยทั้งสองฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “เห็นควรวินิจฉัยปัญหาเรื่องอายุความก่อนที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 177 วรรคสอง จำเลยจะต้องให้การโดยชัดแจ้งว่าจำเลยยอมรับหรือปฏิเสธข้ออ้างของโจทก์ทั้งสิ้นหรือแต่บางส่วน รวมทั้งเหตุแห่งการนั้น จำเลยทั้งสองให้การเพียงว่าคดีโจทก์ขาดอายุความโดยไม่ได้อ้างเหตุแห่งการปฏิเสธไว้ด้วย ถือว่าเป็นคำให้การที่ไม่ชัดแจ้ง จึงไม่เป็นประเด็นแห่งคดีที่ศาลจะวินิจฉัยนั้น เห็นว่าประเด็นแห่งคดีนั้นมี 2 ข้อ คือ ประเด็นข้อเท็จจริงและประเด็นข้อกฎหมาย ประเด็นข้อเท็จจริงในคดีแพ่งนั้นคำฟ้องต้องแสดงโดยแจ้งชัดซึ่งสภาพแห่งข้อหาของโจทก์และคำขอบังคับ ทั้งข้ออ้างที่อาศัยเป็นหลักแห่งข้อหาเช่นว่านั้นตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 172 วรรคสอง ส่วนคำให้การจำเลยนั้น ให้จำเลยแสดงโดยชัดแจ้งในคำให้การว่า จำเลยยอมรับหรือปฏิเสธข้ออ้างของโจทก์ทั้งสิ้นหรือแต่บางส่วนรวมทั้งเหตุแห่งการนั้น ตามมาตรา 177 วรรคสอง แต่ประเด็นข้อกฎหมายนั้น คู่ความเพียงแต่ยกขึ้นอ้างเป็นที่เข้าใจในข้อหาใดเรื่องใดก็เป็นการเพียงพอแล้วเพราะข้อกฎหมาย ศาลรู้เอง แต่ถ้าข้อเท็จจริงที่นำไปสู่ข้อกฎหมายนั้นยังไม่เพียงพอก็จำเป็นต้องอ้างข้อเท็จจริงอันเป็นเหตุแห่งการขาดอายุความโดยชัดแจ้งจึงจะเป็นประเด็นที่ฝ่ายตนจะมีสิทธินำสืบต่อไปได้คดีนี้โจทก์ฟ้องจำเลยเรื่องผิดสัญญาซื้อขายข้อหาเดียวจำเลยให้การว่าฟ้องโจทก์ขาดอายุความ เป็นคำให้การชัดแจ้งว่าข้อเท็จจริงเรื่องการซื้อขายทั้งหมดตามฟ้องขาดอายุความแล้วคำให้การของจำเลยชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 177 วรรคสอง ได้ความว่า โจทก์เป็นพ่อค้า จำเลยทั้งสองประกอบอาชีพรับจ้างเคาะ พ่นสี ปะผุ รถยนต์และรถจักรยานยนต์สินค้าที่จำเลยทั้งสองซื้อจากโจทก์ตามบิลเงินเชื่อเป็นเครื่องอะไหล่ทั้งนั้น แม้จะนำมาใช้เปลี่ยนชิ้นส่วนของรถหรือขายก็ไม่ถือว่าเป็นการที่ได้ทำเพื่ออุตสาหกรรมของฝ่ายลูกหนี้ตามความหมายในประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 165(1) สิทธิเรียกร้องจึงมีกำหนดอายุความสองปีบิลเงินเชื่อแผ่นที่ 1 ถึง 15 นั้น แผ่นที่ 15ซึ่งเป็นฉบับสุดท้าย ลงวันที่ 29 กรกฎาคม 2529 แต่โจทก์ฟ้องคดีนี้เมื่อวันที่ 14 ตุลาคม 2529 เกินสองปี จึงขาดอายุความเรียกค่าของแล้ว คดีไม่จำเป็นต้องวินิจฉัยว่าจำเลยทั้งสองได้ซื้อเชื่อสินค้าตามบิลเงินเชื่อแผ่นที่ 1 ถึง 15 หรือไม่ ฎีกาจำเลยทั้งสองฟังขึ้น”
พิพากษาแก้เป็นว่า ให้บังคับคดีไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น.

Share