คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2583/2534

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

โจทก์มีชื่อถือกรรมสิทธิ์ในโฉนดที่ดิน อันก่อให้เกิดเงินได้พึงประเมินแต่เพียงผู้เดียว และโจทก์เป็นผู้รับเงินได้พึงประเมินจากการขายที่ดินโฉนดดังกล่าว โจทก์จึงต้องเสียภาษีเงินได้ และภาษีการค้าโดยคิดจากจำนวนเงินที่ขายที่ดินได้ทั้งหมดตาม ป.รัษฎากร มาตรา 61 และมาตรา 87(1) ที่โจทก์อ้างว่าได้ร่วมลงทุนกับ ล. โจทก์ประสงค์จะสืบพยานต่อไปก็ไม่ทำให้โจทก์พ้นจากหน้าที่ต้องเสียภาษีเงินได้และภาษีการค้าจากการขายที่ดินทั้งหมด ดังนี้ศาลภาษีอากรกลางมีคำสั่งตัดพยาน จึงชอบแล้ว.

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์ร่วมลงทุนกับผู้มีชื่อประมูลซื้อที่ดินจากการขายทอดตลาดของกรมบังคับคดี โดยผู้มีชื่อให้โจทก์ใส่ชื่อเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์แต่เพียงผู้เดียว เพื่อความสะดวกในการขายต่อไปและต่อมาได้ขายที่ดินแปลงดังกล่าว แล้วโจทก์กับผู้มีชื่อแบ่งเงินได้ตามอัตราส่วนการลงทุน ต่อมาเจ้าพนักงานประเมินได้ประเมินให้โจทก์เสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา และภาษีการค้า จากเงินได้ที่ขายที่ดินได้ทั้งหมด จึงเป็นการไม่ชอบ ขอให้เพิกถอนการประเมินภาษีของจำเลยและให้ประเมินภาษีจากเงินได้ที่โจทก์ได้รับมาจริง
จำเลยให้การว่า โจทก์มีพฤติการณ์ขายที่ดินโดยแสวงหากำไร สำหรับที่ดินแปลงพิพาทโจทก์ซื้อมาจากการขายทอดตลาด เมื่อเดือนกรกฎาคม2522 ต่อมาเดือนธันวาคม โจทก์ได้ขายให้ผู้มีชื่อไปเจ้าพนักงานประเมินจึงประเมินให้โจทก์เสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาและภาษีการค้าจากเงินได้ที่ขายที่ดินแปลงพิพาททั้งหมดเนื่องจากโจทก์มีชื่อในโฉนดที่ดินแปลงพิพาทเพียงผู้เดียว ขอให้ยกฟ้อง
ศาลภาษีอากรกลางพิจารณาแล้ว พิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์ต่อศาลฎีกา
ศาลฎีกาแผนกคดีภาษีอากรวินิจฉัยว่า “ประเด็นที่จะต้องวินิจฉัยมีว่า ที่ศาลภาษีอากรกลางมีคำสั่งไม่อนุญาตให้หมายเรียกสมุห์บัญชีธนาคารสหธนาคาร จำกัด สาขาบางโพ มาเบิกความเป็นพยาน และมีคำสั่งตัดพยานโจทก์ปากนายวิลาศ ชลวร ชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ ประเด็นดังกล่าวศาลฎีกาเห็นสมควรวินิจฉัยก่อนว่า หากให้นำพยานบุคคลที่ศาลไม่อนุญาตให้หมายเรียกมาและที่ศาลมีคำสั่งตัดพยานไปนั้นมาสืบจะทำให้ผลคดีเปลี่ยนแปลงไปหรือไม่ เห็นว่าข้อเท็จจริงรับฟังได้ในเบื้องต้นว่า โจทก์ซื้อที่ดินโฉนดเลขที่ 4524 ตำบลปทุมวัน(บางกะปิฝั่งใต้) อำเภอปทุมวัน กรุงเทพมหานคร ได้จากการขายทอดตลาดเมื่อวันที่ 9 พฤษภาคม 2522 ในราคา 2,360,000 บาท ต่อมาวันที่25 ธันวาคม 2522 โจทก์ขายที่ดินดังกล่าวให้แก่นายชวลิต ทั่งสัมพันธ์ในราคา 4,044,900 บาท เจ้าหน้าที่ตรวจสอบภาษีของจำเลยตรวจพบว่าภ.ง.ด.90 ของโจทก์ ไม่ได้นำรายได้จากการขายที่ดินมากรอกลงในแบบเพื่อเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ทั้งไม่ได้ยื่นแบบเสียภาษีการค้าด้วย ซึ่งจำเลยเห็นว่าโจทก์ประกอบการค้าที่ดินและต้องเสียภาษีทั้งสองประเภท จำเลยจึงหมายเรียกโจทก์มาเพื่อไต่สวนโจทก์ได้ให้การต่อเจ้าหน้าที่ตรวจสอบ รวมทั้งในการต่อสู้คดีชั้นศาลรับว่าร่วมลงทุนกับนายวิลาศซื้อที่ดินจากการขายทอดตลาดของกรมบังคับคดี และต่อมาได้ขายที่ดินดังกล่าวให้แก่นายชวลิต ทั่งสัมพันธ์ไป ได้มีการคืนทุนและแบ่งกำไรให้ผู้เป็นหุ้นส่วนไปแล้ว ในการซื้อที่ดินนั้นได้ลงชื่อโจทก์คนเดียวเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ และในการขายก็ขายไปในนามโจทก์แต่ผู้เดียว โจทก์จึงขอให้จำเลยคิดภาษีเฉพาะส่วนที่โจทก์ลงทุนและได้ผลกำไรส่วนของโจทก์เท่านั้นโดยไม่รวมทุนและส่วนแบ่งกำไรของนายวิลาศด้วย แต่จำเลยคิดภาษีเอาจากโจทก์แต่ผู้เดียว ปัญหาจะต้องวินิจฉัยในเบื้องต้นนี้คือจำเลยคิดภาษีจากโจทก์ผู้เดียวได้หรือไม่ เห็นว่าตามประมวลรัษฎากร มาตรา 61 บัญญัติว่า บุคคลใดมีชื่อในหนังสือสำคัญใด ๆ แสดงว่า (1) เป็นเจ้าของทรัพย์สินอันระบุไว้ในหนังสือสำคัญและทรัพย์สินนั้นก่อให้เกิดเงินได้พึงประเมินหรือ (2) เป็นผู้ได้รับเงินได้พึงประเมินโดยหนังสือสำคัญเช่นว่านั้น เจ้าพนักงานประเมินมีอำนาจประเมินเรียกเก็บภาษีทั้งหมดจากผู้มีชื่อในหนังสือสำคัญนั้นก็ได้ แต่ถ้าบุคคลนั้นต้องโอนเงินได้พึงประเมินให้บุคคลอื่น บุคคลนั้นมีสิทธิหักเงินภาษีจากจำนวนเงินซึ่งโอนให้แก่บุคคลอื่นตามส่วน จากบทบัญญัติดังกล่าว เจ้าพนักงานประเมินจึงมีอำนาจประเมินภาษีเงินได้ รวมทั้งภาษีการค้าตามมาตรา87(1) เอากับโจทก์ได้ เพราะโจทก์มีชื่อถือกรรมสิทธิ์ในโฉนดเลขที่4524 อันก่อให้เกิดเงินได้พึงประเมินแต่ผู้เดียวและโจทก์เป็นผู้รับเงินได้พึงประเมินนั้นไว้โดยการขายที่ดินโฉนดดังกล่าวให้แก่นายชวลิตทั่งสัมพันธ์ ส่วนการที่โจทก์จะหักภาษีจากเงินได้ส่วนของนายวิลาศไว้ตามมาตรา 61 วรรคสอง แห่งประมวลรัษฎากรหรือไม่เป็นเรื่องที่โจทก์จะไปว่ากล่าวเอากับนายวิลาศต่างหาก โจทก์จึงต้องเสียภาษีให้แก่จำเลยโดยคิดจากจำนวนเงินที่ขายที่ดินได้ทั้งหมด ฉะนั้นแม้ว่าศาลภาษีอากรกลางจะยอมให้โจทก์นำสมุห์บัญชีธนาคารสหธนาคาร จำกัดสาขาบางโพและนายวิลาศมาสืบ ในข้อที่นายวิลาศร่วมลงทุนและได้รับทุนและส่วนแบ่งกำไรคืนไปแล้วก็ไม่ทำให้โจทก์พ้นจากหน้าที่ต้องเสียภาษีเงินได้และภาษีการค้าจากการขายที่ดินทั้งหมด การสืบพยานทั้งสองปากดังกล่าวจึงไม่เป็นประโยชน์แก่โจทก์แต่อย่างใด การที่ศาลภาษีอากรกลางมีคำสั่งไม่อนุญาตให้หมายเรียกสมุห์บัญชีธนาคารสหธนาคาร จำกัดสาขาบางโพ และตัดพยานปากนายวิลาศออกเสีย แม้จะอ้างเหตุผลของการไม่อนุญาตและการตัดพยานโดยเหตุอื่นก็เป็นการชอบแล้ว อุทธรณ์ของโจทก์ฟังไม่ขึ้น”
พิพากษายืน.

Share