คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 378/2534

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

การที่จำเลยที่ 2 ทำหน้าที่ขับรถยนต์ ซึ่งมีเฮโรอีนและฝิ่นของกลางใส่มากับรถ แล้วเอายาเสพติดให้โทษของกลางไปซุกซ่อน ไว้ในป่าละเมาะข้างทางเพื่อรอจำเลยที่ 1 พาผู้ซื้อมาเอาไป ต่อมาเมื่อจำเลยที่ 1 พาผู้ซื้อมาแล้ว จำเลยที่ 2 และที่ 3 ก็พาจำเลยที่ 1เข้าไปเอาของกลางที่ซ่อน ไว้ และเดิน ไปส่งของนั้นที่รถยนต์ซึ่งผู้ซื้อรออยู่ และจำเลยที่ 2 ยังรออยู่ที่นั้นเพื่อให้จำเลยที่ 1รับเงินมาแบ่งกัน พฤติการณ์ของจำเลยที่ 2 ถือได้ว่า จำเลยที่ 2ได้กระทำการอันเป็นส่วนหนึ่งแห่งการจำหน่ายเฮโรอีนและฝิ่นของกลางให้แก่ผู้ซื้อด้วย จำเลยที่ 2 มีความผิดฐานเป็นตัวการ ตาม ป.อ.มาตรา 83. จำเลยที่ 2 ฎีกาขอให้ลดโทษโดยอ้างว่า มีบิดามารดาซึ่งป่วยเป็นอัมพาตและมีบุตรจะต้องเลี้ยงดูนั้น ก็มิใช่เหตุบรรเทาโทษตามป.อ. มาตรา 78.

ย่อยาว

โจทก์ฟ้อง ขอให้ลงโทษจำเลยทั้งสามตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 มาตรา 4, 7, 8, 15, 17, 66 วรรคสอง,69 วรรคสองและวรรคสี่, 102 ที่แก้ไขใหม่ ประมวลกฎหมายอาญามาตรา 83, 32, 91 ที่แก้ไขใหม่และขอให้สั่งริบของกลาง
จำเลยที่ 1 ให้การรับสารภาพ ส่วนจำเลยที่ 2 ที่ 3 ให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยทั้งสามมีความผิดตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 มาตรา 15, 66 วรรคสอง กระทงหนึ่งให้จำคุกจำเลยทั้งสามตลอดชีวิต และผิดตามมาตรา 17, 69 วรรคสี่อีกกระทงหนึ่ง จำคุกคนละ 10 ปี คำรับสารภาพของจำเลยที่ 1เป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษลดโทษกึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงจำคุกจำเลยที่ 1 กระทงแรก 25 ปีจำคุกกระทง 5 ปี รวม 2 กระทง จำคุก 30 ปี ริบของกลาง
จำเลยที่ 2 อุทธรณ์ ส่วนจำเลยที่ 3 ศาลชั้นต้นส่งสำนวนไปยังศาลอุทธรณ์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 245
ศาลอุทธรณ์ภาค 3 พิพากษายืน
จำเลยที่ 2 ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “พิเคราะห์แล้ว ข้อเท็จจริงรับฟังได้เป็นยุติว่า จำเลยที่ 1 และที่ 3 ได้จำหน่ายเฮโรอีนและฝิ่นของกลางให้แก่พันตำรวจโทสำเรียง สังขจันทร์ มีปัญหาว่าจำเลยที่ 2 ได้ร่วมกระทำความผิดกับจำเลยที่ 1 และที่ 3 ด้วยหรือไม่ โจทก์นำสืบได้ความว่า เมื่อวันที่ 23 สิงหาคม 2531 สายลับของเจ้าพนักงานตำรวจได้พาสิบตำรวจตรีมนตรี แก้วปัญญา ไปติดต่อซื้อเฮโรอีนและฝิ่นจากจำเลยที่ 1 และวันที่ 24 เดือนนั้น พันตำรวจโทสำเรียงซึ่งแสดงตนเป็นเสี่ยพ่อค้าก็ได้นำเงิน 190,000 บาท ไปให้จำเลยที่ 1 ตรวจดูจนพอใจ จำเลยที่ 1 นัดให้ไปเอายาเสพติดให้โทษในวันรุ่งขึ้นเวลา8 นาฬิกา วันรุ่งขึ้น พันตำรวจโทสำเรียง และสิบตำรวจตรีมนตรีได้ไปพบจำเลยที่ 1 ที่ร้านอาหารยูโซปโภชนา จำเลยที่ 1 บอกว่าเฮโรอีนและฝิ่นซ่อนอยู่ที่ป่าริมถนนเลี่ยงเมือง และว่าให้หุ้นส่วน2 คนเฝ้าอยู่ แล้วจำเลยที่ 1 ก็ขับรถยนต์กระบะพยานโจทก์ทั้งสองไปบริเวณสี่แยกสามกอง-กระทู้ พยานโจทก์ทั้งสองเบิกความยืนยันว่าเมื่อไปถึงที่นั่นเห็นจำเลยที่ 2 และที่ 3 ยืนรออยู่ถนนฝั่งตรงข้ามจำเลยที่ 1 ได้ชี้ไปยังจำเลยทั้งสองและบอกว่าเป็นหุ้นส่วนของตนจากนั้นจำเลยที่ 2 และที่ 3 ก็พาจำเลยที่ 1 เข้าไปในป่าละเมาะประมาณ 2-3 นาที ก็เดินกลับออกมาพร้อมกล่องผงซักฟอก 2 กล่องใส่อยู่ในถุงพลาสติกใสภายในบรรจุเฮโรอีนและฝิ่นของกลาง จำเลยทั้งสามเดินมาที่ข้างรถยนต์กระบะและเอากล่องทั้งสองไว้ที่กระบะท้ายรถจากนั้นจำเลยที่ 1 ก็ขับรถพาพันตำรวจโทสำเรียง และของกลางไปที่ปั๊มน้ำมันแห่งหนึ่งเพื่อให้พันตำรวจโทสำเรียงตรวจดู ก่อนไปจำเลยที่ 1 ยังได้สั่งให้จำเลยที่ 2 และที่ 3 รออยู่ที่เดิม เมื่อรับเงินแล้วจะนำมาแบ่งให้ และโจทก์ยังมีนายดาบตำรวจเกษม นรารักษ์ ซึ่งนำเจ้าพนักงานตำรวจอีกส่วนหนึ่งที่ติดตามไปดูเหตุการณ์ที่หน้าสำนักสงฆ์สามัคคีสามกอง อยู่ห่างจากจำเลยที่ 2 เพียงประมาณ 50 เมตรเบิกความสนับสนุนว่า เห็นจำเลยทั้งสามพากันเข้าไปเอากล่องผงซักฟอกจากป่าละเมาะข้างทาง และเมื่อจำเลยที่ 1 และพันตำรวจโทสำเรียงไปถึงปั๊มน้ำมันแล้ว พันตำรวจโทสำเรียงกับพวกก็ได้จับจำเลยที่ 1พร้อมยาเสพติดให้โทษของกลางแล้วก็พากันย้อนกลับไปจับจำเลยที่ 2และที่ 3 พยานโจทก์ทั้งสามยืนยันว่าจำเลยที่ 2 และที่ 3 ก็ยังยืนรอจำเลยที่ 1 อยู่ที่เดิม พยานโจทก์ดังกล่าวไม่เคยรู้จักจำเลยที่ 2มาก่อน ไม่มีเหตุที่จะเบิกความปรักปรำใส่ร้ายจำเลยที่ 2 ทั้งถ้อยคำพยานโจทก์ดังกล่าวสอดคล้องต้องกัน มีน้ำหนักน่าเชื่อถือ ที่จำเลยที่ 2 นำสืบว่าจำเลยที่ 1 ให้จำเลยที่ 2 และที่ 3 รออยู่ตรงบริเวณสี่แยกสามกอง-กระทู้ เพราะจำเลยที่ 1 จะไปธุระในเมืองภูเก็ตนั้นเห็นว่า จำเลยที่ 2 เบิกความแล้วว่าจำเลยที่ 1 ขอให้จำเลยที่ 2ช่วยขับรถยนต์กระบะจากจังหวัดนครปฐมมาจังหวัดภูเก็ตเพราะจำเลยที่ 1 ป่วย แล้วเหตุใดเมื่อมาถึงอำเภอเมืองภูเก็ต จำเลยที่ 1กลับเป็นผู้ขับรถเองและยังปล่อยให้จำเลยที่ 2 และที่ 3 รออยู่ริมถนนข้างทางป่าละเมาะโดยไม่มีเหตุผลอันสมควร นอกจากนี้ยังได้ความจากจำเลยที่ 2 ว่าระหว่างรอคอยจำเลยที่ 1 อยู่นั้น จำเลยที่ 2และที่ 3 ได้เดินไปซื้อบุหรี่และน้ำอัดลมที่ร้านค้าซึ่งอยู่ห่างประมาณ 500 เมตรเท่านั้น แต่จำเลยที่ 2 และที่ 3 ก็ไม่ไปรอคอยที่ร้านค้านั้นซึ่งเป็นที่สะดวกสบายกว่าจุดที่ยืนรออยู่ พฤติการณ์เช่นนี้เป็นข้อพิรุธอันเป็นเหตุให้เชื่อได้ว่าจำเลยที่ 2 และที่ 3ยืนรออยู่บริเวณสี่แยกสามกอง-กระทู้ ข้างทางป่าละเมาะก็เพื่อรอให้จำเลยที่ 1 พาผู้ซื้อมารับเอาเฮโรอีนและฝิ่นของกลางที่จำเลยทั้งสามได้นำไปซุกซ่อนไว้ในป่าละเมาะนั้นตั้งแต่แรก ข้อแก้ตัวของจำเลยที่ 2 ฟังไม่ขึ้น การที่จำเลยที่ 2 ทำหน้าที่ขับรถยนต์กระบะซึ่งมีเฮโรอีนและฝิ่นของกลางใส่มากับรถจากจังหวัดนครปฐมไปถึงจังหวัดภูเก็ตแล้วเอายาเสพติดให้โทษของกลางไปซุกซ่อนไว้ในป่าละเมาะข้างทางเพื่อรอจำเลยที่ 1 พาผู้ซื้อมาเอาไป ต่อมาเมื่อจำเลยที่ 1 พาผู้ซื้อมาแล้ว จำเลยที่ 2 และที่ 3 ก็พาจำเลยที่ 1 เข้าไปเอาของกลางที่ซ่อนไว้ และเดินไปส่งของนั้นที่รถยนต์กระบะซึ่งผู้ซื้อรออยู่และจำเลยที่ 2 ยังรออยู่ที่นั่นเพื่อให้จำเลยที่ 1 รับเงินมาแบ่งกันพฤติการณ์ของจำเลยที่ 2 ดังกล่าวถือได้ว่า จำเลยที่ 2 ได้กระทำการอันเป็นส่วนหนึ่งแห่งการจำหน่ายเฮโรอีนและฝิ่นของกลางให้แก่ผู้ซื้อด้วยแล้ว จำเลยที่ 2 จึงต้องมีความผิดฐานเป็นตัวการในความผิดดังกล่าวตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83
ที่จำเลยที่ 2 ฎีกา ขอให้ลดโทษโดยอ้างว่าจำเลยที่ 2 มีบิดามารดาซึ่งป่วยเป็นอัมพาตและมีบุตรจะต้องเลี้ยงดูนั้น เห็นว่าหากจะฟังว่าเป็นความจริงดังที่จำเลยที่ 2 ฎีกา ก็มิใช่เหตุบรรเทาโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 จึงไม่มีเหตุที่จะลดโทษให้”
พิพากษายืน.

Share