คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2134/2534

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยใช้เหล็กขูดชาฟท์แทงผู้เสียหายบริเวณชายโครงซ้ายผู้เสียหายเอี้ยวตัวหลบจำเลยจึงแทงถูกแขนผู้เสียหาย เหล็กขูดชาฟท์ติดอยู่ที่แขนผู้เสียหาย ตัวเหล็กขูดชาฟท์ยาวประมาณ 6 นิ้ว ด้ามยาวประมาณ 5 นิ้ว บาดแผลที่ผู้เสียหายถูกจำเลยแทงยาว 2.5 เซนติเมตรกว้าง 1 เซนติเมตรลึกถึงอีกด้านหนึ่ง แสดงว่าจำเลยแทงผู้เสียหายอย่างแรง เมื่อผู้เสียหายวิ่งหนีจำเลยยังถือไม้ท่อนกลมขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 2 นิ้ว วิ่งตามไปจะตีผู้เสียหายอีก แสดงเจตนาของจำเลยว่าหากเหล็กขูดชาฟท์ไม่ติดอยู่ที่แขนผู้เสียหายจำเลยคงจะแทงผู้เสียหายอีกอย่างแน่นอน เมื่อพิจารณาอาวุธที่จำเลยใช้ ลักษณะการแทง และบาดแผลที่ผู้เสียหายได้รับ ซึ่งหากผู้เสียหายไม่เอี้ยวตัวหลบและวิ่งหนีไปเสียก่อนจำเลยคงทำร้ายผู้เสียหายจนถึงแก่ความตายได้ การกระทำของจำเลยจึงเป็นความผิดฐานพยายามฆ่าผู้เสียหาย

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288, 80
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 288, 80 จำคุก 10 ปี คำให้การชั้นจับกุมและชั้นสอบสวนของจำเลยเป็นประโยชน์แก่การพิจารณาอยู่บ้างมีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้หนึ่งในสี่ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 78 คงจำคุก 7 ปี 6 เดือน
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่าจำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 295 จำคุก 2 ปี จำเลยให้การรับสารภาพชั้นสอบสวน มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษหนึ่งในสาม คงจำคุก 1 ปี 4 เดือน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยปัญหาข้อกฎหมายว่า จำเลยใช้เหล็กขูดชาฟท์แทงถูกแขนผู้เสียหาย 1 ที เหล็กขูดชาฟท์ติดอยู่ที่แขนผู้เสียหายตัวเหล็กขูดชาฟท์ยาวประมาณ 6 นิ้ว ด้ามยาวประมาณ 5 นิ้ว บาดแผลที่ผู้เสียหายถูกจำเลยแทงยาว 2.5 เซนติเมตร กว้าง 1 เซนติเมตรลึกถึงอีกด้านหนึ่งแสดงว่าจำเลยแทงผู้เสียหายอย่างแรง ประกอบกับได้ความจากผู้เสียหายว่าหากเหล็กขูดชาฟท์ที่จำเลยแทงไม่ถูกแขนเสียก่อน ผู้เสียหายคิดว่าคงจะถูกที่บริเวณชายโครงซ้ายอย่างแน่นอน เมื่อผู้เสียหายวิ่งหนีจำเลยยังถือไม้ท่อนกลมขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 2 นิ้ว วิ่งตามไปจะตีผู้เสียหายอีก ดังนี้แสดงเจตนาของจำเลยว่าหากเหล็กขูดชาฟท์ไม่ติดอยู่ที่แขนผู้เสียหายจำเลยคงจะแทงผู้เสียหายอีกอย่างแน่นอน เมื่อพิจารณาอาวุธที่จำเลยใช้ ลักษณะการแทง และบาดแผลที่ผู้เสียหายได้รับ ซึ่งหากผู้เสียหายไม่เอี้ยวตัวหลบและวิ่งหนีไปเสียก่อน จำเลยคงทำร้ายผู้เสียหายจนถึงแก่ความตายได้ การกระทำของจำเลยจึงเป็นความผิดฐานพยายามฆ่าผู้เสียหาย
พิพากษาแก้เป็นว่า ให้บังคับคดีไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น

Share