แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ
ย่อสั้น
ในคดีล้มละลายที่ผู้คัดค้านการยืนยันหนี้ของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์นั้น พ.ร.บ. ล้มละลายฯ มาตรา 119 วรรคสองและวรรคสาม กำหนดให้ทำเป็นคำร้องซึ่งค่าธรรมเนียมเกี่ยวกับคำร้องนี้พ.ร.บ. ล้มละลายฯ มาตรา 179 มิได้บัญญัติไว้โดยเฉพาะ ดังนี้ผู้คัดค้านต้องเสียค่าคำร้อง 20 บาท ตามตาราง 2(3) ท้าย ป.วิ.พ..
ย่อยาว
คดีนี้สืบเนื่องมาจากนายเติมศักดิ์ กฤษณามระ ผู้ชำระบัญชีร้องขอให้บริษัทเงินทุนหลักทรัพย์บ้านและที่ดินไทย จำกัด ลัมละลายศาลชั้นต้นมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาด เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์สอบสวนแล้ว เห็นว่า บริษัทเครดิตฟองซิเอรธนพัฒน์ จำกัด ผู้ร้องเป็นหนี้ผู้ล้มละลายและมีหนังสือยืนยันให้ผู้ร้องชำระหนี้จำนวน5,000,000 บาท พร้อมดอกเบี้ย ผู้ร้องจึงยื่นคำร้องคัดค้านการยืนยันหนี้ของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ต่อศาล ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่าตามคำร้องของผู้ร้อง เป็นคำขอปลดเปลื้องทุกข์อันอาจคำนวณเป็นราคาเงินได้ เป็นคดีมีทุนทรัพย์ จึงให้ผู้ร้องเสียค่าขึ้นศาลภายใน14 วัน นับแต่วันทราบคำสั่ง
ผู้ร้องอุทธรณ์คำสั่ง
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
ผู้ร้องฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “คดีมีปัญหาในชั้นนี้ว่า คำร้องคัดค้านการยืนยันหนี้ของผู้ร้องเป็นคดีมีทุนทรัพย์หรือไม่ เพิเคราะห์แล้วเห็นว่า ตามพระราชบัญญัติล้มละลายพุทธศักราช 2483 มาตรา 119วรรคสอง วรรคสาม บัญญัติให้บุคคลที่ได้รับแจ้งความยืนยันหนี้จากเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์คัดค้านต่อศาลโดยทำเป็นคำร้องภายในกำหนดเวลาสิบสี่วันนับแต่ได้รับแจ้งความยืนยัน และตามพระราชบัญญัติล้มละลายพุทธศักราช 2483 มาตรา 179 มิได้บัญญัติเกี่ยวกับค่าธรรมเนียมคำร้องไว้โดยเฉพาะจึงต้องนำตาราง 2 (3) ท้ายประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง ซึ่งกำหนดให้คู่ความเสียค่าธรรมเนียมการยื่นคำขออื่น ๆ ที่ต้องทำเป็นคำร้องเพียง 20 บาทมาใช้บังคับ ผู้ร้องจึงต้องเสียค่าคำร้องเพียง 20 บาท ที่ศาลล่างทั้งสองให้ผู้ร้องเสียค่าคำร้องอย่างคดีมีทุนทรัพย์นั้น ศาลฎีกาไม่เห็นพ้องด้วย…”
พิพากษากลับ ให้ศาลชั้นต้นรับคำร้องของผู้ร้องไว้ดำเนินการต่อไป.