คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 391/2534

แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา

ย่อสั้น

การที่จำเลยเสียภาษีบำรุงท้องที่ที่ดินพิพาทโดยไม่ปรากฏว่าโจทก์ได้รู้เห็นการกระทำดังกล่าว มิใช่เป็นการแย่งการครอบครองและไม่ถือว่าโจทก์สละสิทธิครอบครอง เมื่อจำเลยครอบครองที่ดินพิพาทในฐานะอาศัยโจทก์มาแต่แรกและไม่เคยบอกกล่าวว่าจะเปลี่ยนลักษณะการครอบครองโดยจะยึดถือเพื่อตน แม้จำเลยจะครอบครองที่ดินพิพาทต่อมาอีกนานเท่าใด โจทก์ก็ไม่ต้องฟ้องเอาคืนซึ่งการครอบครองภายในหนึ่งปี

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยขายฝากที่ดินพิพาท น.ส.3 ก. ไว้กับโจทก์โดยมีบ้านพิพาทปลูกอยู่ และจำเลยอาศัยทำกินพร้อมทั้งดูแลที่ดินพิพาทแทนโจทก์ตลอดมา เมื่อครบกำหนด จำเลยไม่ไถ่แต่ขออยู่อาศัยทำกินต่อไป โจทก์บอกกล่าวให้จำเลยรื้อถอนบ้านพิพาทออกไป จำเลยก็เพิกเฉยขอให้บังคับจำเลยและบริวารออกไปจากที่ดินพิพาท ห้ามมิให้เข้าเกี่ยวข้อง และให้จำเลยรื้อถอนบ้านพิพาทออกไปจากที่ดินพิพาทกับให้จำเลยใช้ค่าเสียหายจนกว่าจำเลยและบริวารจะออกจากที่ดินพิพาท
จำเลยให้การว่า จำเลยกู้เงินโจทก์ ระยะเวลากู้ 1 ปี โจทก์คิดดอกเบี้ยล่วงหน้า และให้จำเลยทำสัญญาขายฝากที่ดินพิพาทไว้ก่อนครบกำหนดไถ่จำเลยนำเงินไปไถ่ที่ดินพิพาท โจทก์ไม่ยอมให้ไถ่หลังครบกำหนดไถ่โจทก์ได้บอกให้จำเลยทำสัญญาเช่าที่ดินพิพาทจำเลยกับสามีไม่ยอมทำสัญญาเช่าและแสดงเจตนาครอบครองที่ดินพิพาทเป็นของตนมาเกินกว่าหนึ่งปีแล้ว โจทก์ไม่ได้ฟ้องคดีภายใน 1 ปี นับแต่เวลาถูกจำเลยแย่งการครอบครองที่ดินพิพาท โจทก์จึงหมดสิทธิฟ้องขอให้ยกฟ้องศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยรื้อถอนบ้านออกไปจากที่ดินพิพาท ห้ามจำเลยและบริวารเข้าเกี่ยวข้องที่ดินพิพาท ให้จำเลยชดใช้ค่าเสียหายจนกว่าจำเลยและบริวารจะออกจากที่ดินพิพาท จำเลยอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์ ภาค 2 พิพากษายืน จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ปัญหาสุดท้ายในเรื่องโจทก์หมดสิทธิฟ้องเรียกเอาคืนซึ่งการครอบครองที่ดินพิพาทหรือไม่ ปัญหานี้จำเลยฎีกาว่าจำเลยเป็นผู้เสียภาษีบำรุงท้องที่ที่ดินพิพาท จะต้องฟังว่าจำเลยได้ครอบครองที่ดินพิพาทในฐานะเจ้าของ และการที่โจทก์ไม่เข้ามาจัดการที่ดินพิพาทแสดงเจตนาเป็นเจ้าของหลังจากพ้นกำหนดการขายฝาก กลับปล่อยให้จำเลยเป็นผู้เสียภาษีบำรุงท้องที่ที่ดินพิพาท ย่อมถือว่าโจทก์สละสิทธิครอบครองที่ดินพิพาทแล้วนั้นเห็นว่า การที่จำเลยเสียภาษีบำรุงท้องที่ ที่ดินพิพาทโดยไม่ปรากฏว่าโจทก์ได้รู้เห็นการกระทำดังกล่าว มิใช่เป็นเรื่องการแย่งการครอบครองที่ดินพิพาท และไม่ถือว่าโจทก์สละสิทธิครอบครองที่ดินพิพาท เมื่อจำเลยครอบครองที่ดินพิพาทในฐานะอาศัยโจทก์มาแต่แรก และจำเลยไม่เคยบอกกล่าวไปยังโจทก์ว่าจะเปลี่ยนลักษณะแห่งการครอบครองโดยจะครอบครองที่ดินพิพาทเพื่อตนเอง แม้จำเลยจะครอบครองที่ดินพิพาทต่อมาอีกนานเท่าใดก็ตาม โจทก์ไม่ต้องฟ้องเอาคืนซึ่งการครอบครองที่ดินพิพาทภายในหนึ่งปี”
พิพากษายืน

Share