คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 386/2534

แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา

ย่อสั้น

ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้คำพิพากษาศาลชั้นต้นเฉพาะโทษที่ลงแก่จำเลย มิได้แก้บทกฎหมายที่จำเลยกระทำความผิด เป็นการแก้ไขเล็กน้อย โจทก์ฎีกาว่าควรลงโทษจำเลยให้หนักขึ้นตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น เป็นการโต้เถียงดุลพินิจของศาลอุทธรณ์ในการลงโทษจำเลยจึงเป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงซึ่งต้องห้ามมิให้โจทก์ฎีกาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218 วรรคสอง

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 33, 288 และริบค้อนของกลาง จำเลยให้การสารภาพศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288วางโทษประหารชีวิต จำเลยให้การรับสารภาพชั้นจับกุมและสอบสวนเป็นประโยชน์แก่การพิจารณามีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้หนึ่งในสามตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 ประกอบด้วย มาตรา 52(1) คงลงโทษจำคุกตลอดชีวิต ริบค้อนของกลาง จำเลยอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์ภาค 2พิพากษาแก้เป็นว่า ให้จำคุกจำเลย 20 ปี จำเลยให้การรับสารภาพเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา ลดโทษให้กึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 78 คงจำคุก 10 ปี นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “คดีนี้ศาลอุทธรณ์ภาค 2 พิพากษาแก้คำพิพากษาศาลชั้นต้นเฉพาะโทษที่ลงแก่จำเลย มิได้แก้บทกฎหมายที่จำเลยกระทำความผิด เป็นการแก้ไขเล็กน้อย ที่โจทก์ฎีกาว่า ควรลงโทษจำเลยให้หนักขึ้นตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น เป็นการโต้เถียงดุลพินิจของศาลอุทธรณ์ภาค 2 ในการลงโทษจำเลย จึงเป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงซึ่งต้องห้ามมิให้โจทก์ฎีกาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218 วรรคสอง แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา(ฉบับที่ 17) พ.ศ. 2532 มาตรา 11 และโดยที่ปรากฏว่ามิได้มีการอนุญาตหรือรับรองให้ฎีกาได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 221 ที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งรับฎีกาของโจทก์จึงไม่ถูกต้องศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย”
พิพากษาให้ยกฎีกาโจทก์

Share