คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 12/2534

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

จำเลยเป็นเลขานุการคณะกรรมการดำเนินการของสหกรณ์โจทก์จำเลยได้รับเงินกู้ของ ค.และพ. ไปจากโจทก์โดยไม่มีหนังสือมอบอำนาจให้จำเลยรับเงินกู้แทน เงินดังกล่าวจึงเป็นของโจทก์อยู่ จำเลยมีหน้าที่ต้องนำเงินกู้ไปมอบให้แก่ผู้กู้ตามหน้าที่และข้อบังคับของโจทก์ การที่จำเลยมอบเงินกู้ให้ผู้อื่นรับไปมอบให้ผู้กู้ เมื่อผู้กู้ไม่ได้รับเงินกู้ ดังนี้จำเลยกระทำโดยประมาทปราศจากความระมัดระวัง เป็นการละเมิดต่อโจทก์.

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยดำรงตำแหน่งเป็นเลขานุการคณะกรรมการดำเนินการของโจทก์ เมื่อวันที่ 26 ธันวาคม 2526 จำเลยได้ดำเนินเรื่องขอกู้เงินสามัญให้แก่นางพรหมศรี ชาญวิจิตร และนายเอกสิทธิ์คำมงคุณ ซึ่งเป็นสมาชิกของโจทก์ โจกท์ได้อนุมัติเงินกู้สามัญให้แก่นางพรหมศรีและนายเอกสิทธิ์คนละ 30,000 บาท วันที่ 30 ธันวาคม 2526จำเลยขอรับเงินกู้สามัญจำนวน 60,000 บาท จากโจทก์ไปมอบให้แก่นางพรหมศรีและนายเอกสิทธิ์ แต่จำเลยละเลยไม่นำเงินไปมอบให้แก่นางพรหมศรีและนายเอกสิทธิ์ เป็นการไม่ปฏิบัติตามหน้าที่ตามระเบียบและข้อบังคังของโจทก์จึงเป็นการจงใจหรือประมาทเลินเล่อปราศจากความระมัดระวังของจำเลย ทำให้โจทก์ได้รับความเสียหายไม่สามาถที่จะบังคับให้นางพรหมศรีและนายเอกสิทธิ์ชำระเงินแก่โจทก์จำนวนคนละ 30,000 บาท พร้อมด้วยดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 15 ต่อปีได้ รวมเป็นเงินที่จำเลยจะต้องรับผิดชดใช้แก่โจทก์จำนวน 71,268.49บาท ขอให้บังคับจำเลยชำระเงินแก่โจทก์จำนวน 71,268.49 บาท พร้อมด้วยดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 15 ต่อปี ในต้นเงิน 60,000 บาท นับแต่วันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จ
จำเลยให้การว่า ฟ้องโจทก์เคลือบคลุมและขาดอายุความ จำเลยไม่มีหน้าที่ต้องนำเงินไปส่งมอบให้ผู้กู้ด้วยตนเอง การที่จำเลยมอบเงินให้แก่นายบรรจง ไตรยะถาพนักงานของโจทก์ซึ่งทำหน้าที่เกี่ยวกับเอกสารสัญญาและการเงิน ทั้งเป็นผู้ดำเนินเรื่องการขอกู้มาแต่เดิม และจำเลยได้ทำหลักฐานการรับเงินไว้ จำเลยจึงไม่ได้กระทำละเมิดต่อโจทก์
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยชำระเงินจำนวน 33,063.69 บาท พร้อมด้วยดอกเบี้ยร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีในต้นเงิน 30,000 บาท นับถัดจากวันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ ให้จำเลยใช้ค่าฤชาธรรมเนียมแทนโจทก์ เฉพาะค่าขึ้นศาลให้ใช้เท่าที่โจทก์ชนะคดี
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ข้อเท็จจริงรับฟังได้ในเบื้องต้นว่า จำเลยเป็นเลขานุการคณะกรรมการดำเนินการของโจทก์ เมื่อปี พ.ศ. 2527นายเอกสิทธิ์ คำมุงคุณ และนางพรหมศรี ชาญวิจิตร สมาชิกของโจทก์ได้ขอกู้เงินสามัญ คณะกรรมการดำเนินการของโจทก์ได้พิจารณาแล้วอนุมัติให้นายเอกสิทธิ์และนางพรหมศรีกู้เงินได้ จำเลยได้รับเงินดังกล่าวไปจากโจทก์แล้ว แต่นายเอกสิทธิ์และนางพรหมศรีไม่ได้รับเงินกู้ดังกล่าว และจำเลยได้มีหนังสือถึงประธานกรรมการดำเนินการของโจทก์ลงวันที่ 19 กรกฎาคม 2527 ชี้แจงว่า จำเลยได้มอบเงินกู้ของนายเอกสิทธิ์และนางพรหมศรีให้นายบรรจง ไตรยะถาเจ้าหน้าที่ของโจทก์รับไปมอบให้ผู้กู้แล้ว ปรากฏตามหนังสือเอกสารหมาย จ.7…
ที่จำเลยฎีกาว่า จำเลยไม่ได้กระทำละเมิดต่อโจทก์นั้น ได้ความว่า จำเลยได้รับเงินกู้ของนายเอกสิทธิ์และนางพรหมศรีไปจากโจทก์โดยไม่มีหนังสือมอบอำนาจของผู้กู้ให้จำเลยรับเงินกู้แทน เงินดังกล่าวจึงเป็นของโจทก์อยู่ จำเลยสามารถรับเงินกู้ดังกล่าวไปได้น่าจะเกิดจากความไว้วางใจของเจ้าหน้าที่ของโจทก์ที่เห็นว่าจำเลยเป็นถึงเลขานุการคณะกรรมการดำเนินการของโจทก์ แต่เมื่อจำเลยรับเงินกู้ดังกล่าวไปจากโจทก์แล้ว จำเลยมีหน้าที่จะต้องนำเงินกู้ดังกล่าวไปมอบให้แก่ผู้กู้โดยตรงตามหน้าที่ ตามข้อบังคับของโจทก์เอกสารหมาย จ.9 แม้จะฟังว่าจำเลยมอบเงินกู้ดังกล่าวให้ผู้อื่นรับไปมอบให้ผู้กู้ จำเลยก็หาพ้นความรับผิดไม่ เมื่อได้ความว่าผู้กู้ไม่ได้รับเงินกู้การกระทำของจำเลยจึงเป็นการกระทำโดยประมาทปราศจากความระมัดระวังอันเป็นการละเมิดต่อโจทก์ จำเลยจึงต้องรับผิดต่อโจทก์…”
พิพากษายืน.

Share