แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ความว่า จำเลยที่ 1 ฎีกา ศาลชั้นต้นสั่งว่า ฎีกาของจำเลยที่ 1 เป็นฎีกาข้อเท็จจริงต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 219 จึงไม่รับ
จำเลยที่ 1 เห็นว่า จำเลยที่ 1 ได้ฎีกาว่าอุทธรณ์ของโจทก์เป็นปัญหาข้อเท็จจริงทั้งหมดและไม่ได้ว่ากล่าวกันมาในศาลชั้นต้นประกอบกับคดีนี้ไม่เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยของประชาชนการที่ศาลอุทธรณ์หยิบยกเอาข้อเท็จจริงตามอุทธรณ์ของโจทก์ขึ้นมาว่ากล่าวให้เป็นโทษแก่จำเลยจึงเป็นการไม่ชอบด้วยกฎหมายฎีกาของจำเลยที่ 1 จึงเป็นปัญหาข้อกฎหมาย โปรดมีคำสั่งให้รับฎีกาของจำเลยที่ 1 ไว้พิจารณาพิพากษาต่อไป
หมายเหตุ โจทก์ได้รับสำเนาคำร้องแล้ว (อันดับ 33)
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติการพนัน พ.ศ. 2478 มาตรา 4,5,6,10,12,15 ฯลฯ จำเลยให้การรับสารภาพ ลดโทษให้กึ่งหนึ่ง คงจำคุกจำเลยที่ 1 ไว้3 เดือน และปรับ 2,700 บาท จำคุกจำเลยที่ 2 ไว้ 3 เดือนและปรับ 2,000 บาท จำเลยนอกนั้นปรับคนละ 700 บาท โทษจำคุกจำเลยที่ 1 ที่ 2 ให้รอไว้มีกำหนด 2 ปี ฯลฯ
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า ให้ลงโทษจำคุกจำเลยที่ 1และที่ 2 คนละ 4 เดือน จำเลยทั้งสองให้การรับสารภาพ ลดโทษให้กึ่งหนึ่ง คงจำคุกจำเลยที่ 1 และที่ 2 คนละ 2 เดือนไม่รอการลงโทษและไม่ปรับจำเลยทั้งสอง นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
จำเลยที่ 1 ฎีกา ศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่รับฎีกาดังกล่าว(อันดับ 30)
จำเลยที่ 1 จึงยื่นคำร้องนี้ (อันดับ 31)
คำสั่ง
พิเคราะห์แล้ว ที่ศาลอุทธรณ์เห็นว่าความผิดคดีนี้กระทบกระเทือนถึงความสงบเรียบร้อยของประชาชนนั้น เป็นเหตุผลที่ศาลอุทธรณ์ยกขึ้นอ้างในการใช้ดุลพินิจไม่รอการลงโทษจำเลยที่ 1ไม่เป็นการไม่ชอบด้วยกฎหมายดังที่จำเลยที่ 1 ฎีกาแต่อย่างใดและจำเลยที่ 1 ฎีกาโต้แย้งดุลพินิจของศาลอุทธรณ์ในการลงโทษจำเลยที่ 1 เป็นปัญหาข้อเท็จจริง ต้องห้ามฎีกาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 219 ที่ศาลชั้นต้นสั่งไม่รับฎีกานั้นชอบแล้ว ให้ยกคำร้อง