แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ผู้ตายได้บุกรุกเข้าไปในห้องนอนอันเป็นเคหสถานของจำเลยยามวิกาล อันเป็นการละเมิดกฎหมาย. ทำให้จำเลยสำคัญผิดว่าผู้ตายเป็นขโมยหรือคนร้าย เข้าไปทำการประทุษร้ายต่อทรัพย์หรือร่างกายภริยาจำเลย. จึงใช้ดุ้นฟืนตีผู้ตายไป 1 ที. การที่จำเลยใช้ดุ้นฟืนซึ่งโดยสภาพไม่ใช่อาวุธร้ายแรงตีผู้ตายไปในขณะนั้นเพียงทีเดียวโดยไม่เจาะจง เป็นลักษณะที่กระทำพอสมควรแก่เหตุ. ถือได้ว่าการกระทำของจำเลยเป็นการป้องกันโดยชอบด้วยกฎหมาย ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 68 ประกอบกับมาตรา 62 ด้วย. จำเลยไม่มีความผิด.
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยบังอาจใช้ไม้ดุ้นฟืน ตีทำร้ายผู้ตาย 1 ทีโดยไม่เจตนาฆ่าแต่ผู้ตายได้ถึงแก่ความตายเพราะพิษบาดแผลนั้นในวันต่อมา ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 290 และริบของกลาง จำเลยให้การปฏิเสธ ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยทำร้ายผู้ตายโดยสำคัญผิดคิดว่าเป็นคนร้ายและจำเลยได้กระทำไปพอสมควรแก่เหตุ ไม่มีความผิดให้ยกฟ้อง โจทก์อุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์เห็นว่าจำเลยดักตีผู้ตายตรงบ่อน้ำก่อนขึ้นหาภริยาจำเลย ไม่เชื่อว่าจำเลยตีผู้ตายเพราะเข้าใจว่าเป็นคนร้ายพิพากษากลับว่าจำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 290 ให้จำคุกหกปีลดตามมาตรา 78 ฐานให้การเป็นประโยชน์แก่การพิจารณาคงจำคุก3 ปี ของกลางริบ จำเลยฎีกา ศาลฎีกาเห็นว่าข้อเท็จจริงฟังได้ว่าจำเลยได้ตีผู้ตายที่ชานหัวบันใดหลังบ้านจำเลยขณะผู้ตายวิ่งออกมาจากห้องนอนจำเลย หลังจากภริยาจำเลยร้องขึ้นแล้ว ผู้ตายได้บุกรุกเข้าไปในห้องนอนอันเป็นเคหสถานของจำเลยยามวิกาลอันเป็นการละเมิดกฎหมาย ทำให้จำเลยสำคัญผิดว่าผู้ตายเป็นขโมยหรือคนร้ายเข้าไปทำการประทุษร้ายต่อทรัพย์หรือร่างกายนางคำด้ายภริยาจำเลย การที่จำเลยได้ใช้ดุ้นฟืนซึ่งโดยสภาพไม่ใช่อาวุธร้ายแรงตีผู้ตายไปในขณะนั้นเพียงทีเดียวโดยไม่เจาะจง อันเป็นลักษณะที่กระทำพอสมควรแก่เหตุแล้วเช่นนั้นย่อมถือได้ว่าการกระทำของจำเลยเป็นการป้องกันโดยชอบด้วยกฎหมายตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 68 ประกอบกับมาตรา 62 ด้วย ฉะนั้นแม้จะปรากฏว่าต่อมาภายหลังผู้ตายได้ถึงแก่ความตาย จำเลยก็ไม่มีความผิด พิพากษากลับคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ให้ยกฟ้องโจทก์ ของกลางไม่ริบ.