แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ศาลชั้นต้นพิพากษาจำคุกจำเลยฐานปล้นทรัพย์มีกำหนด 4 ปี.ศาลอุทธรณ์แก้โดยพิพากษาจำคุกจำเลยฐานชิงทรัพย์มีกำหนด 2ปี. เป็นการแก้ทั้งบทและกำหนดโทษ ถือว่าแก้มาก ไม่ต้องห้ามฎีกาในข้อเท็จจริง.
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องจำเลยทั้งสองในข้อหาร่วมกับพวกอีกคนหนึ่งชิงทรัพย์ โดยใช้ขวานทำร้ายเจ้าทรัพย์ได้รับบาดเจ็บเพื่อให้เป็นความสะดวกแก่การลักทรัพย์ ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 340, 83 และริบขวานของกลาง จำเลยที่ 1 รับสารภาพ ส่วนจำเลยที่ 2 ปฏิเสธ ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยที่ 1 มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 340 จำคุก 12 ปี ลดมาตราส่วนโทษให้หนึ่งในสาม โดยอายุยังไม่เกิน 20 ปี และฐานรับสารภาพกึ่งหนึ่ง คงจำคุกไว้ 4 ปีส่วนจำเลยที่ 2 ให้ยกฟ้อง โจทก์อุทธรณ์ขอให้ลงโทษจำเลยที่ 2 ศาลอุทธรณ์ฟังว่าจำเลยที่ 2 ไม่ได้กระทำผิด และผู้กระทำผิดมีเพียง 2 คน ความผิดของจำเลยที่ 1 จึงไม่ต้องด้วยประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 340 แต่ต้องด้วยมาตรา 339 และเนื่องจากเป็นเหตุในลักษณะคดี พิพากษาแก้ว่าจำเลยที่ 1 มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 339 ลดมาตราส่วนโทษหนึ่งในสามโดยเหตุอายุไม่เกิน 20 ปี และลดโทษฐานรับสารภาพอีกกึ่งหนึ่ง คงจำคุกไว้2 ปี นอกจากที่แก้คงให้เป็นไปตามศาลชั้นต้น โจทก์ฎีกาขอให้ลงโทษจำเลยที่ 1 ตามฟ้อง ศาลฎีกาฟังว่า จำเลยที่ 1 ได้ร่วมกับพวก 3 คนกระทำผิดตามฟ้อง พิพากษาแก้ให้ลงโทษจำเลยที่ 1 ตามศาลชั้นต้น.