แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
เหตุเกิดเวลากลางคืน บริเวณที่เกิดเหตุมีต้นไม้ขึ้นอยู่ข้างทางมืดครึ้ม บ้านจำเลยเคยถูกคนร้ายปล้นทรัพย์และลักทรัพย์หลายครั้งการที่ผู้เสียหายมาเดินอยู่ข้างบ้านจำเลยในยามวิกาลเวลาเกือบเที่ยงคืนโดยปราศจากผู้คนสัญจรไปมา เมื่อจำเลยร้องถามว่าใครก็ไม่ตอบย่อมทำให้จำเลยสำคัญผิดว่าเป็นคนร้าย ครั้นจำเลยวิ่งออกมาจากบ้านเห็นเพียงตัวคนดำ ๆ เคลื่อนไหวไปมา ไม่อาจรู้ได้ว่าจะมีอาวุธหรือไม่ จึงยิงผู้เสียหายไปเพียง 1 นัด แต่เมื่อผู้เสียหายลุกขึ้นวิ่งหนีก็มิได้ยิงซ้ำนั้น เป็นพฤติการณ์ที่จำเลยสำคัญผิดว่าผู้เสียหายเป็นคนร้ายจึงใช้ปืนยิง จึงเป็นการป้องกันสิทธิของตนพอสมควรแก่เหตุ เป็นการป้องกันโดยชอบด้วยกฎหมายตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 68 ประกอบด้วยมาตรา 62 วรรคแรก
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยใช้อาวุธปืนลูกซองยาวยิงนายนรา นาศรีผู้เสียหาย โดยเจตนาฆ่า จำเลยได้ลงมือกระทำความผิดไปตลอดแล้วแต่การกระทำของจำเลยไม่บรรลุผล เนื่องจากมีผู้นำผู้เสียหายส่งให้แพทย์รักษาทันและกระสุนปืนไม่ถูกอวัยวะสำคัญ ผู้เสียหายจึงไม่ถึงแก่ความตาย คงได้รับอันตรายแก่กายถึงสาหัส ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 80, 288 ริบของกลาง
จำเลยให้การว่า ได้ใช้อาวุธปืนยิงผู้เสียหายจริงแต่เป็นการป้องกันโดยชอบด้วยกฎหมาย
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง ของกลางคืนเจ้าของ
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 3 พิพากษากลับว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288, 80 ลงโทษจำคุก 10 ปี คำให้การของจำเลยเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา ลดโทษให้ 1 ใน 3 ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงจำคุก 6 ปี 8 เดือน ของกลางริบ
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า เหตุเกิดเวลากลางคืนบริเวณที่เกิดเหตุมีต้นมะขาม และต้นยางขึ้นอยู่ข้างทางทำให้มืดครึ้ม เชื่อได้ว่าจำเลยจะไม่ทราบว่าคนที่เดินอยู่เป็นใคร ผู้เสียหายกับจำเลยรู้จักคุ้นเคยกันดี ไม่มีสาเหตุโกรธเคืองกันจึงไม่มีสาเหตุที่จำเลยจะยิงหากจำเลยทราบว่าผู้ที่จำเลยยิงนั้นเป็นผู้เสียหาย เมื่อยิงแล้วจำเลยไปแจ้งผู้ใหญ่บ้านว่ายิงคนที่บ้านจำเลยแล้วไม่รู้ว่าเป็นใคร เชื่อได้ว่าจำเลยใช้อาวุธปืนยิงคนเดินข้างบ้านเพราะคิดว่าเป็นคนร้าย ทั้งข้อเท็จจริงก็ปรากฏว่าบ้านจำเลยเคยถูกคนร้ายปล้นทรัพย์และลักทรัพย์หลายครั้ง การที่ผู้เสียหายมาเดินอยู่ข้างบ้านจำเลยในยามวิกาลเวลาเกือบเที่ยงคืนโดยปราศจากผู้คนสัญจรไปมา เมื่อจำเลยร้องถามว่าใครก็ไม่ตอบ ย่อมทำให้จำเลยสำคัญผิดว่าผู้เสียหายเป็นคนร้ายที่จะมาลักทรัพย์ของจำเลย เมื่อจำเลยวิ่งออกมาจากบ้านก็เห็นเพียงตัวคนดำ ๆ เคลื่อนไหวไปมา ไม่อาจรู้ได้ว่ามีอาวุธหรือไม่ การที่จะรออยู่จนกว่าคนร้ายจะแสดงกิริยาทำร้ายจำเลยอาจได้รับอันตรายก่อน จำเลยยิงผู้เสียหายเพียง 1 นัด เมื่อผู้เสียหายลุกขึ้นวิ่งหนีก็มิได้ยิงซ้ำแต่อย่างใด หลังเกิดเหตุแล้วจำเลยได้แสดงตัวโดยเปิดเผยและช่วยพาผู้เสียหายส่งโรงพยาบาลการกระทำของจำเลยจึงพอสมควรแก่เหตุเป็นการป้องกันโดยชอบด้วยกฎหมายตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 68 ประกอบด้วยมาตรา 62วรรคแรก
พิพากษากลับ ให้ยกฟ้อง