แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา
ย่อสั้น
พนักงานอัยการเพื่อประโยชน์ของเด็กชาย อ.และเด็กหญิงว.ผู้เยาว์ เป็นโจทก์ฟ้องคดีนี้อ้างว่าในคดีแพ่งเรื่องก่อนเด็กชาย อ.และเด็กหญิงว. ซึ่งเป็นจำเลยในคดีดังกล่าวโดยมารดาผู้ใช้อำนาจปกครองได้ทำสัญญาประนีประนอมยอมความกับจำเลยที่ 2ในคดีนี้ซึ่งเป็นโจทก์ในคดีดังกล่าว โดยมารดาผู้ใช้อำนาจปกครองของผู้เยาว์ทั้งสองไม่ได้รับอนุญาตจากศาลคดีเด็กและเยาวชนกลางสัญญาประนีประนอมยอมความไม่ผูกพันผู้เยาว์ทั้งสอง ขอให้เพิกถอนสัญญาประนีประนอมยอมความและเพิกถอนการยึดที่ดินของผู้เยาว์ทั้งสองในคดีดังกล่าว เป็นการฟ้องคดีโดยอาศัยสิทธิและเพื่อประโยชน์ของผู้เยาว์ทั้งสอง ถือได้ว่าเป็นการฟ้องคดีแทนผู้เยาว์ทั้งสอง และมีประเด็นอย่างเดียวกับที่ผู้เยาว์ทั้งสองโดยมารดาผู้ใช้อำนาจปกครองเคยยื่นคำร้องในชั้นบังคับคดีในคดีแพ่งเรื่องก่อน ขอให้เพิกถอนสัญญาประนีประนอมยอมความและเพิกถอนการยึดที่ดินของผู้เยาว์ทั้งสองซึ่งศาลชั้นต้นได้มีคำสั่งในคดีดังกล่าวให้ยกคำร้องของผู้เยาว์ทั้งสองและคดียังอยู่ในระหว่างการพิจารณาของศาลอุทธรณ์ ฟ้องของโจทก์ในคดีนี้จึงเป็นการดำเนินกระบวนพิจารณาอันเกี่ยวกับคดีและประเด็นที่ศาลชั้นต้นได้วินิจฉัยชี้ขาดแล้ว ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 144 โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้อง
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า นาย………. ได้กู้ยืมเงินจำเลยที่ 2 โดยจดทะเบียนจำนองที่ดินโฉนดเลขที่ 59915 พร้อมสิ่งปลูกสร้างเป็นประกันไว้ ต่อมานาย….ถึงแก่ความตาย จำเลยที่ 2 ได้ฟ้องจำเลยที่ 1เด็กชาย…….และเด็กหญิง……..ซึ่งเป็นภรรยาและบุตรผู้เยาว์ของผู้ตายต่อศาลชั้นต้นให้รับผิดชำระเงินกู้ยืมดังกล่าวตามคดีแพ่งหมายเลขแดงที่ 23203/2529 ของศาลชั้นต้น และมีการทำสัญญาประนีประนอมยอมความกันในคดีดังกล่าว ซึ่งศาลชั้นต้นได้พิพากษาตามยอมแล้วต่อมามีการผิดนัดไม่ชำระหนี้ตามสัญญา จำเลยที่ 2 ได้ดำเนินการบังคับคดีโดยนำเจ้าพนักงานบังคับคดียึดที่ดินโฉนดที่ผู้ตายจดทะเบียนจำนองเป็นประกันและที่ดินของเด็กชาย…กับเด็กหญิง…ผู้เยาว์คือที่ดินโฉนดเลขที่ 39091 พร้อมสิ่งปลูกสร้างเพื่อขายทอดตลาดชำระหนี้ หลังจากนั้นจำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นผู้ใช้อำนาจปกครองของเด็กชาย…และเด็กหญิง…ผู้เยาว์ ได้ร้องต่อโจทก์ ขอให้โจทก์ฟ้องเพิกถอนสัญญาประนีประนอมยอมความในคดีของศาลชั้นต้นดังกล่าวเพื่อประโยชน์ของผู้เยาว์ทั้งสอง เนื่องจากจำเลยที่ 1 ได้ทำสัญญาประนีประนอมยอมความไปโดยมิได้รับอนุญาตจากศาลคดีเด็กและเยาวชนกลางตามกฎหมาย สัญญาประนีประนอมยอมความไม่ผูกพันผู้เยาว์ทั้งสอง การยึดทรัพย์ของผู้เยาว์ทั้งสองจึงไม่ชอบ ขอให้ศาลพิพากษาว่า สัญญาประนีประนอมยอมความในคดีแพ่งหมายเลขแดงที่ 23203/2529ของศาลชั้นต้นไม่ผูกพันผู้เยาว์ทั้งสอง โดยเพิกถอนสัญญาประนีประนอมยอมความดังกล่าวในส่วนที่เกี่ยวข้องกับผู้เยาว์ทั้งสองและสั่งยกเลิกเพิกถอนการยึดที่ดินโฉนดเลขที่ 39091
จำเลยที่ 1 ขาดนัดยื่นคำให้การ
จำเลยที่ 2 ให้การว่า การดำเนินคดีของโจทก์ในคดีนี้ซ้ำซ้อนกับคดีแพ่งหมายเลขแดงที่ 23203/2529 ของศาลชั้นต้น ขอให้ยกฟ้อง
วันนัดสืบพยานโจทก์ จำเลยที่ 2 ยื่นคำร้องว่า จำเลยที่ 1ในฐานะส่วนตัวและผู้แทนโดยชอบธรรมของผู้เยาว์ทั้งสอง เคยยื่นคำร้องในชั้นบังคับคดีในคดีแพ่งหมายเลขแดงที่ 23203/2529 ของศาลชั้นต้นขอให้ศาลชั้นต้นเพิกถอนสัญญาประนีประนอมยอมความและเพิกถอนการยึดทรัพย์ที่ดินโฉนดเลขที่ 39091 มาครั้งหนึ่งแล้ว และศาลชั้นต้นมีคำสั่งยกคำร้อง คดีอยู่ระหว่างการพิจารณาของศาลอุทธรณ์ โจทก์ได้ดำเนินคดีเป็นคดีนี้อีก จึงเป็นการดำเนินกระบวนพิจารณาซ้ำกับคดีดังกล่าวของศาลชั้นต้น ขอให้ศาลวินิจฉัยชี้ขาดเบื้องต้นในปัญหาข้อกฎหมาย โจทก์แถลงรับว่าข้อเท็จจริงเป็นดังคำร้องของจำเลยที่ 2ดังกล่าว
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้งดสืบพยานโจทก์จำเลยแล้วพิพากษายกฟ้องโจทก์อุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “มีปัญหาที่จะวินิจฉัยตามฎีกาของโจทก์ว่าโจทก์มีอำนาจฟ้องหรือไม่ ที่โจทก์ฟ้องคดีนี้อ้างว่าในคดีแพ่งหมายเลขแดงที่ 23203/2529 ของศาลชั้นต้น เด็กชาย…และเด็กหญิง…ผู้เยาว์ซึ่งเป็นจำเลยในคดีดังกล่าวโดยมารดาผู้ใช้อำนาจปกครองได้ทำสัญญาประนีประนอมยอมความกับจำเลยที่ 2 ในคดีนี้ซึ่งเป็นโจทก์ในคดีดังกล่าว โดยมารดาผู้ใช้อำนาจปกครองของผู้เยาว์ทั้งสองไม่ได้รับอนุญาตจากศาลคดีเด็กและเยาวชนกลาง สัญญาประนีประนอมยอมความไม่ผูกพันผู้เยาว์ทั้งสอง ขอให้เพิกถอนสัญญาประนีประนอมยอมความและเพิกถอนการยึดที่ดินของผู้เยาว์ทั้งสองในคดีดังกล่าวนั้นศาลฎีกาเห็นว่า โจทก์ฟ้องคดีนี้เป็นการฟ้องคดีโดยอาศัยสิทธิและเพื่อประโยชน์ของผู้เยาว์ทั้งสองถือได้ว่าเป็นการฟ้องคดีแทนผู้เยาว์ทั้งสอง และฟ้องของโจทก์มีประเด็นอย่างเดียวกับที่ผู้เยาว์ทั้งสองโดยมารดาผู้ใช้อำนาจปกครองเคยยื่นคำร้องในชั้นบังคับคดีในคดีแพ่งหมายเลขแดงที่ 23203/2529 ของศาลชั้นต้น ขอให้เพิกถอนสัญญาประนีประนอมยอมความและเพิกถอนการยึดที่ดินของผู้เยาว์ทั้งสองซึ่งศาลชั้นต้นได้มีคำสั่งในคดีดังกล่าวให้ยกคำร้องของผู้เยาว์ทั้งสองและคดียังอยู่ในระหว่างการพิจารณาของศาลอุทธรณ์ ฟ้องของโจทก์ในคดีนี้ถือได้ว่าเป็นการดำเนินกระบวนพิจารณาอันเกี่ยวกับคดีและประเด็นที่ศาลชั้นต้นได้วินิจฉัยชี้ขาดแล้ว ฟ้องของโจทก์ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 144 โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้อง ที่ศาลล่างทั้งสองให้ยกฟ้องของโจทก์ ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย”
พิพากษายืน