คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3488/2535

แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา

ย่อสั้น

ตามหนังสือรับรองการเป็นนิติบุคคลของห้างหุ้นส่วนสามัญนิติบุคคลจำเลยที่ 1 ระบุว่าจำเลยที่ 1 มีวัตถุประสงค์เพื่อประกอบกิจการค้า คือ ขายน้ำมันเบนซิน น้ำมันเครื่อง ฯลฯ การขายลดเช็คเป็นรูปแบบหนึ่งของสัญญาที่เกี่ยวข้องกับการค้าในการหาเงินทุนหมุนเวียนเพื่อใช้จ่ายในกิจการค้า จึงไม่เป็นการนอกเหนือวัตถุประสงค์

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยที่ 1 จดทะเบียนเป็นนิติบุคคลประเภทห้างหุ้นส่วนสามัญนิติบุคคลโดยจำเลยที่ 2 เป็นหุ้นส่วนผู้จัดการและจำเลยที่ 4 เป็นหุ้นส่วน จำเลยที่ 1 โดยจำเลยที่ 2 ทำสัญญาชักส่วนลดเช็คกับตัวแทนโจทก์สาขาเสือป่าว่า จำเลยที่ 1จะนำเช็คมาขายลดกับโจทก์ในวงเงินไม่เกิน 200,000 บาท เช็คมีกำหนดใช้เงินไม่เกิน 60 วันนับแต่วันขาย ชักส่วนลดเป็นดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 19.5 ต่อปี ถ้าโจทก์ไม่ได้รับเงินตามเช็ค จำเลยที่ 1จะรับผิดชำระหนี้เต็มจำนวน พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 19.5 ต่อปีนับแต่วันเช็คถึงกำหนดจนถึงวันชำระเสร็จสิ้น จำเลยที่ 2 ในฐานะส่วนตัว และจำเลยที่ 3 ทำสัญญาค้ำประกันหนี้ดังกล่าวของจำเลยที่ 1ต่อโจทก์ โดยยอมรับผิดอย่างลูกหนี้ร่วม ในระหว่างเดือนตุลาคมถึงเดือนธันวาคม 2527 จำเลยที่ 1 ขายลดและสลักหลังเช็ค3 ฉบับ ที่ขายลดให้โจทก์ เมื่อเช็คแต่ละฉบับถึงกำหนดมีการเรียกเก็บเงิน แต่ธนาคารตามเช็คปฏิเสธการจ่ายเงินขอให้จำเลยทั้งสองร่วมกันชำระเงินให้โจทก์พร้อมทั้งดอกเบี้ย
จำเลยที่ 1 ขาดนัดยื่นคำให้การและขาดนัดพิจารณา
จำเลยที่ 2 ให้การว่า จำเลยที่ 2 ทำสัญญาขายลดเช็คกับโจทก์ในฐานะส่วนตัว ไม่เกี่ยวกับจำเลยที่ 1 ที่ 3 และที่ 4จำเลยที่ 1 ไม่มีวัตถุประสงค์ในการขายลดเช็ค แต่ต่อมาจำเลยที่ 2สละข้อต่อสู้ทั้งหมด
จำเลยที่ 3 ให้การว่า จำเลยที่ 3 ไม่เคยลงลายมือชื่อในสัญญาค้ำประกันตามฟ้อง ขอให้ยกฟ้องโจทก์
จำเลยที่ 4 ให้การว่า จำเลยที่ 1 ไม่เคยทำสัญญาชักส่วนลดเช็คกับโจทก์เพราะจำเลยที่ 1 มิได้มีวัตถุประสงค์ดังกล่าวกับไม่จำเป็นต้องกู้ยืมเงินหรือขายลดเช็ค หากจำเลยที่ 2 ทำสัญญาขึ้นก็เป็นเรื่องที่จำเลยที่ 2 กระทำนอกอำนาจหน้าที่และนำเงินไปใช้ในเรื่องส่วนตัวมิได้เกี่ยวกับจำเลยที่ 1 ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยที่ 2 ชำระเงินกับดอกเบี้ยให้แก่โจทก์ ให้ยกฟ้องโจทก์เกี่ยวกับจำเลยที่ 1 ที่ 3 และที่ 4 โจทก์อุทธรณ์ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า ให้จำเลยที่ 1 ที่ 3 และที่ 4ร่วมรับผิดกับจำเลยที่ 2 ด้วย นอกจากที่แก้คงให้เป็นไปตามคำพิพากษาของศาลชั้นต้น จำเลยที่ 4 ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “จำเลยที่ 4 ฎีกาในประการต่อมาว่า จำเลยที่ 1 มิได้มีวัตถุประสงค์ในการขายลดเช็ค ทั้งจำเลยที่ 2 ได้ทำไปโดยพลการและเป็นการส่วนตัว ไม่เกี่ยวกับจำเลยอื่นนั้น เห็นว่าตามหนังสือรับรองการเป็นนิติบุคคลเอกสารหมาย จ.4 ระบุว่าจำเลยที่ 1 มีวัตถุประสงค์เพื่อประกอบกิจการค้า คือ ขายน้ำมันเบนซินน้ำมันเครื่อง ฯลฯ การขายลดเช็คเป็นรูปแบบหนึ่งของสัญญาที่เกี่ยวข้องกับการค้าในการหาเงินทุนหมุนเวียนเพื่อใช้จ่ายในกิจการค้าจึงไม่เป็นการนอกเหนือวัตถุประสงค์”
พิพากษายืน

Share