คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5782/2539

แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา

ย่อสั้น

คำสั่งของศาลชั้นต้นที่อนุญาตให้พิจารณาใหม่ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 208เป็นคำสั่งภายหลังจากที่ศาลชั้นต้นได้มีคำพิพากษาไปแล้วจึงไม่เป็นคำสั่งระหว่างพิจารณา คำขอให้พิจารณาใหม่ของจำเลยมิได้กล่าวโดยละเอียดชัดแจ้ง ซึ่งข้อคัดค้านคำตัดสินชี้ขาดของศาลเพื่อแสดงว่าตนอาจชนะคดี ได้อย่างไร คงกล่าวแต่เพียงว่าจำเลยประสงค์จะสู้คดีต่อไป และมีทางชนะคดีได้เท่านั้น โดยไม่มีเหตุผลหรือหลักฐานอ้างอิงที่จะแสดงให้เห็นชัดแจ้งว่า หากมีการพิจารณาใหม่แล้วศาลอาจพิพากษาให้ชนะคดีได้ คำขอให้พิจารณาใหม่ของจำเลยจึงไม่ต้องด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 208 วรรคสองที่ศาลจะสั่งให้พิจารณาใหม่ได้

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยซื้อสินค้าไปจากโจทก์แล้วผิดนัดไม่ชำระหนี้ให้แก่โจทก์ ขอให้บังคับจำเลยชำระเงิน209,559.20 บาท ให้แก่โจทก์ พร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 15 ต่อปี จากต้นเงิน 205,450.28 บาท
จำเลยให้การแต่ขาดนัดพิจารณา
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยชำระเงิน 205,450.28 บาทให้แก่โจทก์ พร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี นับแต่วันที่14 กรกฎาคม 2537 เป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จ คำขอนอกจากนี้ให้ยกเสีย
จำเลยยื่นคำร้องว่า จำเลยมิได้จงใจขาดนัดพิจารณาเนื่องจากเข้าใจผิดในวันนัดสืบพยานโจทก์ จำเลยมีความประสงค์จะต่อสู้คดีต่อไปและคดีมีทางชนะโจทก์ได้ ขอให้พิจารณาใหม่
โจทก์ยื่นคำคัดค้านว่า เหตุที่จำเลยขาดนัดพิจารณาเกิดจากความผิดพลาดและละเลยไม่เอาใจใส่ของทนายจำเลยที่ไม่ตรวจสอบและสอบถามให้ชัดแจ้งเกี่ยวกับวันนัดของศาลแสดงว่าจำเลยมีเจตนาที่จะจงใจขาดนัดพิจารณา ประกอบกับคดีนี้จำเลยไม่มีทางที่จะชนะคดีโจทก์ได้ ขอให้ยกคำร้อง
ศาลชั้นต้นไต่สวนคำร้องแล้วมีคำสั่งให้พิจารณาใหม่
โจทก์อุทธรณ์คำสั่ง
ศาลอุทธรณ์ภาค 3 พิพากษากลับ ให้ยกคำขอให้พิจารณาใหม่ของจำเลย
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “มีปัญหาที่ต้องวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยว่า คำสั่งของศาลชั้นต้นที่สั่งอนุญาตให้พิจารณาใหม่เป็นคำสั่งระหว่างพิจารณาหรือไม่ เห็นว่า ศาลชั้นต้นได้มีคำพิพากษาไปแล้ว จำเลยจึงยื่นคำร้องขอให้พิจารณาใหม่หลังพิพากษาคำสั่งของศาลชั้นต้นที่สั่งอนุญาตให้พิจารณาใหม่จึงไม่เป็นคำสั่งระหว่างพิจารณา มีปัญหาที่ต้องวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยต่อไปว่า คำขอให้พิจารณาใหม่ของจำเลยได้กล่าวโดยละเอียดชัดแจ้งซึ่งข้อคัดค้านคำตัดสินชี้ขาดของศาลหรือไม่เห็นว่า คำขอให้พิจารณาใหม่ของจำเลยมิได้กล่าวโดยละเอียดชัดแจ้งซึ่งข้อคัดค้านคำตัดสินชี้ขาดของศาลเพื่อแสดงว่าตนอาจชนะคดีได้อย่างไร คงกล่าวแต่เพียงว่าจำเลยประสงค์จะสู้คดีต่อไปและมีทางชนะคดีได้เท่านั้นโดยไม่มีเหตุผลหรือหลักฐานอ้างอิงที่จะแสดงให้เห็นชัดแจ้งว่าหากมีการพิจารณาใหม่แล้วศาลอาจพิพากษาให้ชนะคดีได้ คำขอให้พิจารณาใหม่ของจำเลยจึงไม่ต้องด้วยบทบัญญัติมาตรา 208 วรรคสองแห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งที่ศาลจะสั่งให้พิจารณาใหม่ได้ ศาลอุทธรณ์ภาค 3 พิพากษาชอบแล้ว”
พิพากษายืน

Share